ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

Translate

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

Advice โปรแรงส่งท้ายปี ลดทั้งเว็บสูงสุด 20% 19-25 ธันวา 16

Peerless Martial God ตอนที่ 25




ตอนที่ 25 พลังของขอบเขตจิตวิญญาณ







10 วันผ่านไป พลังปราณของหลินเฟิงนั้นแข็งแกร่งขึ้นเป็นอย่างมาก มีอ่อร่าสีขาวรายล้อมรอบตัวเขาเมื่อกำลังนั่งสมาธิ

ภายนอกถ้ำฝึกฝนมีเงาร่าง 2 ร่างกำลังเข้ามาใกล้ในถ้ำที่หลินเฟิงกำลังบ่มเพาะพลังอยู่

” เป็นสถานที่ๆดีจริงๆ มันเงียบสงบเป็นอย่างมาก สถานที่แห่งนี้จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการบ่มเพาะของพวกเรา ” หนึ่งในชายหนุ่มกล่าวออกมา มันช่วยไม่ได้ที่เขาจะยิ้มอย่างพึงพอใจ

” เสวี่ยเอ๋อ หรือพวกเราควรจะฝึกกันที่นี่? “

” ข้าคิดว่าเจ้าไม่ต้องการที่จะฝึกฝนเสียอีก ” หญิงสาวที่กำลังยืนอยู่ข้างๆเขาเปล่งประกายความงดงามออกมา นางสวมชุดรัดรูปสีแดงซึ่งดูคล้ายกับเปลวเพลิง สัดส่วนที่โค้งเว้าของนางเป็นที่ดึงดูดยิ่งนัก

” ฮ่าๆๆ เมื่อข้าอยู่กับหญิงสาวที่งดงามเช่นเจ้าและรายล้อมไปด้วยทัศนยภาพที่สวยงาม มันจะไม่สนุกกว่าหรือที่จะกดเจ้ามาที่ตรงหว่างขาของข้าแทนที่จะทำอะไรที่น่าเบื่อเช่นการฝึกฝน? ” ชายหนุ่มคนนั้นมีร่างกายที่ผอมแห้งและมีผิวที่ซีดขาวแลดูไม่เหมือนผู้บ่มเพาะพลัง

หญิงสาวที่สวมเสื้อคลุมสีแดงจ้องมองไปที่ชายหนุ่มด้วยความดูถูก นางนั้นไม่ปฏิเสธโอกาสที่จะได้ฝึกปรือฝีมือ ผู้บ่มเพาะพลังจำเป็นที่จะต้องใช้เงินจำนวนมากในการบ่มเพาะพลัง เนื่องจากต้องใช้อาวุธและยาที่มีคุณภาพสูงซึ่งจะต้องใช้จ่ายออกไปด้วยเงินจำนวนมาก อย่างเช่น ถ้าเกิดมาในตระกูลธรรมดาที่ไม่กล้าแม้แต่จะออกล่าสัตว์อสูรก็เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่สามารถได้รับความช่วยเหลือจากสมบัติเหล่านั้น หญิงสาวที่สวมชุดรัดรูปสีแดงเห็นได้ชัดว่าไม่ได้มีพรสวรรค์มากนัก ตระกูลของนางอาจจะมีพื้นเพธรรมดาหรือมีสถานะที่ต่ำมาก เพราะนางต้องการที่จะยกระดับการบ่มเพาะโดยเร็ว หญิงสาวยังคงอยู่กับชายหนุ่มที่ผอมแห้งแม้ว่าจะไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่

ลวี่ เฟย อายุ 18 ปีและบรรลุถึงขอบเขตพลังปราณขั้นที่ 9 เขาสามารถที่จะหยิบยืมพลังจากธาตุต่างๆเพราะเป็นมันพรสวรรค์ตามธรรมชาติของเขา สถานะของลวี่เฟยถูกคำประกันโดยพี่ชายของเขา ลวี่ เหลียง ซึ่งเป็นศิษย์ภายในของนิกาย ดังนั้นหญิงสาวนามเสวี่ย ฮวน จึงได้มีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับลวี่ เฟย เพื่อที่จะได้รับยาคุณภาพสูงบางอย่างเพื่อที่จะบ่มเพาะพลังและเพลิดเพลินกับความสุขทางร่างกายในเวลาเดียวกัน

เมื่อพวกเขาเข้าไปในถ้ำ ก็ได้เห็นหลินเฟิงที่กำลังเข้าฌาณและบ่มเพาะพลังอยู่ ทำให้พวกเขาสับสนเพราะไม่คิดว่าที่ห่างไกลจากผู้คนเช่นนี้จะถูกครอบครองโดยผู้อื่นไปแล้ว

” ดูเหมือนว่าเราจะต้องไปหาที่ใหม่เสียแล้ว ” เสวี่ยฮวนกล่าวด้วยความเสียดาย

” หาที่ใหม่? ทำไม? ข้าสามารถบอกได้เลยว่าเขาอยู่แค่ขอบเขตพลังปราณขั้นที่ 8 เท่านั้น ข้าจะเป็นคนทำให้มันไปเอง ” ลวี่ เฟย กล่าวขณะส่ายหัว

” มันคงจะไม่ดีที่ไปรบกวนการฝึกของผู้อื่น ” เสวี่ยฮวนยิ้มอย่างสุภาพ

” สบายใจเถอะ มันเป็นเพียงผู้อ่อนแอเท่านั้น รอข้าตรงนี้ ข้าจะทำลายการบ่มเพาะของมันก่อนที่จะโยนมันออกไป ” ลวี่ เฟิง กล่าวด้วยรอยยิ้มที่ชั่วร้ายบนใบหน้า ผู้บ่มเพาะพลังที่แข็งแกร่งบางคนเลือกที่จะโจมตีผู้ที่อ่อนแอกว่าเพียงเพราะความไม่พอใจเล็กน้อย แต่มันก็มีความเสี่ยงที่จะทำเช่นนั้น เพราะถ้าหากผู้อ่อนแอคนนั้นแข็งแกร่งขึ้นมาพวกเขาจะหาทางกลับมาแก้แค้นดังนั้นบางคนจึงไม่กล้าที่จะทำเช่นนี้ แต่ก็ยังคงมีคนที่ต้องการจะทำร้ายผู้อื่นจนทำให้กลายเป็นคนพิการเพื่อที่จะทำให้ไม่มีโอกาสในการกลับมาแก้แค้นได้

” ฮิฮิ ” เสวี่ยฮวนหัวเราะคิกคักโดยไม่พูดอะไร นางเห็นด้วยเพราะที่นี่เป็นสถานที่ที่ดีสำหรับการบ่มเพาะพลังเป็นอย่างมาก เฉพาะผู้ที่แข็งแกร่งเท่านั้นจึงจะใช้ประโยชน์จากสถานที่เช่นนี้ได้
” ไอหนู ลุกขึ้น ” ลวี่เฟยเยาะเย้ยขณะที่รู้สึกถึงพลังปราณของหลินเฟิง
หลินเฟิงลืมตาขึ้น พร้อมกับจิตสังหารที่หนาวเหน็บอย่างไม่น่าเชื่อแผร่กระจายไปทั่วทั้งถ้ำ เขาถูกทำให้ตื่นขึ้นด้วยลวี่เฟยและเสวี่ยฮวนเมื่อพวกเขาเข้ามาในถ้ำ แต่หลินเฟิงคิดว่าพวกเขาจะออกไปโดยไม่รบกวนการฝึกของเขา แต่ดูเหมือนเขาจะคิดง่ายเกินไป หลินเฟิงได้ยินถึงสิ่งที่พวกเขาคุยกัน
” เจ้าต้องการที่จะเตะข้าออกไปและทำให้ข้ากลายเป็นคนพิการ ? ” หลินเฟิงถามอย่างเย็นชา
” ในเมื่อเจ้าได้ยินที่ข้าพูดแล้ว หากเจ้าไสหัวไปและทำให้ตัวเองกลายเป็นคนพิการ มันอาจจะทำให้เจ้าเจ็บปวดน้อยลง ” ลวี่ เฟย กล่าว
” ก็ได้ ” หลินเฟิงพยักหน้า เขาลุกขึ้นและเดินตรงไปยัง ลวี่ เฟย อย่างช้าๆ

” เจ้าไม่ทำให้ตัวเองกลายเป็นคนพิการ แล้วคิดว่าข้าจะยอมปล่อยเจ้าไปง่ายๆ? ” ลวี่เฟยยิ้มอย่างเย็นชาเมื่อคิดว่าหลินเฟิงกำลังจะเดินจากไป

” ข้าบอกตอนไหนว่าจะไป ? ” หลินเฟิงกล่าวด้วยท่าทีล้อเลียนบนใบหน้าของเขา ทันใดนั้นเขาก็กระทืบเท้าไปบนพื้นทำให้ทั่วทั้งถ้ำเกิดการสั่นไหว หลังจากนั้นหลินเฟิงก็พุ่งออกจากถ้ำและมุ่งตรงไปยังลวี่เฟยด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ

” หืมม? ” ลวี่เฟยขมวดคิ้ว ทันใดนั้นเขาได้เห็นกำปั้นที่ทรงพลังพุ่งตรงจากฟากฟ้ามาที่เขา

” ตู้มมมมมมมม!! “

” อ๊ากกกกกก “

แขนของลวี่เฟยถูกบดขยี้ออกเป็นเสี่ยงๆ และห้อยลงมาจากไหล่ของเขา ฝ่ามือที่ทรงพลังปรากฎขึ้นที่ลำคอและยกเขาขึ้นจากพื้น

” ข้าอยากที่จะถามเจ้า เจ้าตั้งใจที่จะทำให้ข้าพิการเช่นไร? ” หลินเฟิงถามลวี่เฟยด้วยเสียงที่ทำให้หนาวเย็นไปถึงกระดูกพร้อมกับแผร่ปราณแห่งความตายออกมา เสวี่ยฮวนหน้าซีด นางคิดไม่ถึงว่าหลินเฟิงจะแข็งแกร่งถึงขนาดนี้

” ข้าขอโทษ… มันเป็นความผิดของข้าเอง ข้าไม่นึกว่าท่านจะแข็งแกร่งขนาดนี้ ได้โปรด… ปะ…ปล่อยข้าไปเถอะ ” ลวี่เฟยจับคว้าแขนของหลินเฟิงที่คว้าคอของเขาไว้ เสียงของเขาสั่นเครือและกำลังทรมานจากการหายใจไม่ออก

” เหอะ เพียงแค่คำพูดแค่นั้นมันจะเพียงพอเช่นนั้นรึ? ” ลวี่เฟยคิดว่าเขาแข็งแกร่งกว่ามาตั้งแต่แรก เขาต้องการที่จะทำลายการบ่มเพาะและขับไล่หลินเฟิงออกจากถ้ำฝึกฝน เพื่อที่เขาจะได้ทำเรื่องผิดศีลธรรมกับหญิงสาว ในขณะตอนนี้เขารู้แล้วว่าไม่สามารถที่จะหนีรอดออกไปได้ เพราะคำพูดไม่กี่คำจะทำให้เขาหนีรอดไปได้เช่นนั้นหรือ? มันคงง่ายเกินไป ถ้าหากหลินเฟิงอ่อนแอกว่าลวี่เฟย เขาคงจะทำลายการบ่มเพาะของหลินเฟิงอย่างแน่นอน

” ถ้าหากว่าเจ้าต้องการที่จะทำลายการบ่มเพาะของคนอื่น เจ้าก็ต้องคำนึกถึงว่าคนอื่นก็สามารถที่จะทำลายการบ่มเพาะของเจ้าได้เช่นกัน ” หลินเฟิงชกไปที่จุดตันเถียนของลวี่เฟยด้วยพลังที่น่าเหลือเชื่อ มันส่งให้เขาลอยไปในอากาศและตกมากระแทกพื้นห่างไปหลายเมตร

หลินเฟิงจ้องมองไปที่เสวี่ยฮวนที่อยู่ห่างออกไปและตะคอกใส่นาง ” ไสหัวไป! “

เสวี่ยฮวนสั่นสะท้าน นางรีบวิ่งไปที่ลวี่เฟยและรีบพาเขาออกไปจากถ้ำ

” เจ้ากล้ามากที่ทำให้ข้ากลายเป็นคนพิการ จุดจบของเจ้ามีเพียงความตายเท่านั้น!” เสียงตะโกนดังออกมาจากนอกถ้ำ หลินเฟิงไม่ได้เอ่ยตอบโต้และหันกลับไปบ่มเพาะพลังต่อ
แต่หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ถูกขัดจังหวะอีกครั้ง ลวี่เฟยและเสวี่ยฮวนกลับมาอีกครั้งพร้อมกับนำศิษย์คนอื่นมาด้วย

ศิษย์คนนี้ดูราวอายุ 19 ปี เขาดูคล้ายกับลวี่เฟยนิดหน่อย แต่ใบหน้าของเขาดูคล้ายกับนกอินทรี และดูชั่วร้ายยิ่งกว่าลวี่เฟย

” ท่านพี่ ไอสารเลวนั้นเป็นคนทำลายแขนข้าและเป็นคนที่ทำให้ข้ากลายเป็นคนพิการ ได้โปรด แก้แค้นให้ข้าด้วย ” ลวี่เฟยกล่าวด้วยใบหน้าที่บิดเบี้ยวไปด้วยความโกรธ

” ไม่ต้องห่วง ข้าจะทำลายการบ่มเพาะและทำลายแขนขาของมัน เพื่อแก้แค้นให้เจ้า ” ลวี่เหลียงกล่าวในขณะที่จ้องมองไปยังหลินเฟิงราวกับสัตว์ร้าย
” ขอบคุณท่านพี่ ” ลวี่เฟยพยักหน้า

หลินเฟิงขมวดคิ้ว แม้ว่าลวี่เหลียงจะยังไม่แสดงพลังปราณของเขาออกมา แต่หลินเฟิงก็ยังคงรู้สึกได้ด้วยการจ้องมองไปที่ดวงตาของลวี่เหลียง และรู้ว่าเขาแข็งแกร่งกว่าลวี่เฟยและยังแข็งแกร่งยิ่งกว่าจิ่งห้าวที่อยู่อันดับที่ 6 ของศิษย์ธรรมดาด้วยซ้ำ

” เจ้ากล้าทำลายการบ่มเพาะของน้องชายข้า ข้าจำทำให้เจ้ารู้ซึ้งถึงผลที่ตามมา!” ลวี่เหลียงกล่าว

หลินเฟิงไม่ได้กล่าวอะไรและเดินออกไปไม่กี่ก้าว พลังในร่างกายของเขาแปรเปลี่ยนไปอย่างฉับพลันและมันกลายเป็นแรงกดดันที่ทรงพลัง

บรรยากาศรอบๆพวกเขาเริ่มเต็มไปด้วยคลื่นพลังที่แข็งแกร่งกำลังบ้าคลั่ง หลินเฟิงใช้ทักษะเก้าคลื่นทลายสวรรค์ซึ่งทำให้พื้นที่โดยรอบเกิดการสั่นสะเทือน อากาศโดยรอบเริ่มแผดเสียงร้องออกมาด้วยพลังที่ปล่อยออกมาจากคลื่นเหล่านี้ หลินเฟิงผู้ซึ่งอยู่ขั้นที่ 8 ขอบเขตพลังปราณสามารถที่จะใช้เก้าคลื่นทลายสวรรค์เพื่อเพิ่มพลังโจมตีและสามารถปลดปล่อยพละกำลังออกมาได้ถึง 9,000 จิน หรืออาจจะไปถึง 9,500 จินในบางครั้ง การโจมตีแต่ละครั้งนั้นทรงพลังเป็นอย่างมาก

” เจ้าจงใจปิดบังทักษะในฐานะผู้บ่มเพาะพลังเพื่อที่จะเลือกคู่ต่อสู้ที่อ่อนแอกว่าและเจ้ายังทำให้น้องชายของข้านั้นพิการ แค่ด้วยความแข็งแกร่งเพียงเล็กน้อยของเจ้ายังไม่มากพอที่จะเอาชนะข้าได้ “


เมื่อลวี่เหลี่ยงสัมผัสได้ถึงพลังของหลินเฟิง ทำให้เขาคิดว่าหลินเฟิงนั้นอยู่ในขอบเขตพลังปราณขั้นที่ 9 อย่างแท้จริง เขาคิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเพราะความโง่ของน้องชายเขา น้องชายของเขาเอาแต่สนุกอยู่กับหญิงสาวคนนั้นและได้กระทำผิดต่อผู้บ่มเพาะที่แข็งแกร่งที่กำลังปิดด่านฝึกอยู่

เสืองกรีดร้องดังออกมาอย่างฉับพลันผ่านอากาศ ลวี่เสวี่ยเป็นคนตะโกนเสียงนั้นออกมา มันไม่เหมือนเสียงที่มนุษย์จะสามารถทำได้ มันฟังเหมือนเสียงเห่าหอนของเหล่าสัตว์ร้ายเสียมากกว่า

ลวี่เหลียงได้เปลี่ยนมือเขาให้กลายเป็นกรงเล็บและพลังปราณของเขาได้แปรเปลี่ยนเป็นปราณปีศาจ

เมื่อเก้าคลื่นทลายสวรรค์เข้าปะทะกับกรงเล็บ หลินเฟิงถอนกลับในทันทีและมองไปที่มือของตัวเองที่ผิดหนังฉีกขาดและมีเลือดไหลออกมา ในการปะทะสั้นๆ ทำให้มือของเขารู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างมาก

” ขอบเขตจิตวิญญาณ ” หลินเฟิงกล่าวขณะที่จ้อมมองไปยังลวี่เหลียง หลินเฟิงโจมตีออกไปด้วยพละกำลังถึง 9,500 จิน แต่ลวี่เหลียงสามารถที่จะหยุดการโจมตีนั้นไว้ได้ หลินเฟิงรู้ว่าอีกฝ่ายได้ทะลวงถึงระดับขอบเขตจิตวิญญาณแล้ว

” ในที่สุดเจ้าก็เสียใจในสิ่งที่เจ้าทำ … แต่มันก็สายไปแล้ว ” ลวี่เหลียงกล่าวเยาะเย้ย เขาไม่ได้ปฏิเสธว่าบรรลุขอบเขตจิตวิญญาณแล้ว เขาบรรลุขอบเขตนี้เมื่อไม่กี่เดือนก่อน ตอนนี้เขาแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก เมื่อปลดปล่อยพลังปราณออกจากร่างกายทำให้เขาสามารถที่จะเพิ่มความแข็งแกร่งขึ้นได้มาก ผู้บ่มเพาะพลังงขอบเขตพลังปราณไม่มีโอกาสที่จะต้านทานผู้บ่มเพาะขอบเขตจิตวิญญาณแม้แต่น้อย

” ข้าเสียใจจริงๆนั้นแหละ ที่ข้าไม่ได้สังหารลวี่เฟยไปก่อนหน้านี้และปล่อยชีวิตน้อยๆของมันเอาไว้ ” หลินเฟิงกล่าวขณะที่นำดาบออกมา เขาเริ่มเคลื่อนไวหวอย่างรวดเร็วและคล่องแคล่วด้วยทักษะเคลื่อนที่ดั่งเงาดวงจันทร์ มันเป็นการดีกว่าที่จะต่อสู้มากกว่าตายโดยไม่ได้ทำอะไรเลย

เสียงฟ้าร้องดังกระหึ่มไปทั่วทั้งภูเขา ดาบยาวของหลินเฟิงเริ่มส่องแสงระยิบระยับและพุ่งตรงไปที่ลวี่เหลียง

ลวี่เหลี่ยงไม่สามารถที่จะหลบหลีกการโจมตีได้ กรงเล็บของเขาเป็นดั่งตะขอที่เขาปะทะกับดาบ และจับคว้ามันก่อนที่จะแทงทะลุร่างของเขา แรงปะทะของดาบและกรงเล็บทำให้เกิดระเบิดขึ้น ดาบของหลินเฟิงถูกผลักออกเล็กน้อย

” อัสนีคำราม! ” หลินเฟิงตะโกน ดาบของเขาส่งเสียงดังกึกก้อง เมื่อกรงเล็บของลวี่เหลียงสัมผัสกับดาบของหลินเฟิง ลวี่เหลี่ยงรู้สึกถึงพลังอำนาจและความรุนแรงราวกับพายุลูกใหญ่

” ฟู่ๆๆๆๆๆๆๆๆ ” ดาบยาวของหลินเฟิงดูคล้ายกับลม เสียงของดาบควบคู่ไปกับเสียงของอัสนีคำราม ทำให้ผู้ที่อยู่รอบข้างเกิดความกลัวอย่างแท้จริง

” ตู้มมม “

แรงกดดันที่แข็งแกร่งถูกปลดปล่อยออกมา ลวี่เหลียงปลดปล่อยจิตวิญญาณของเขาออกมาในทันที มันคือจิตวิญญาณของนกอินทรีที่ยิ่งใหญ่ซึ่งเป็นจิตวิญญาณประเพจสัตว์เดรัจฉาน จิตวิญญาณอินทรีเป็นจิตวิญญาณที่โหดร้ายและป่าเถื่อน จิตวิญญาณของฉู่ จั่น เผิง งดงามกว่าจิตวิญญาณตัวนี้มากนัก

ได้ยินเสียงนกอินทรี กรงเล็บของลวี่เหลียงเลืองแสง แสงเหล่านั้นกลายเป็นเส้นใยและกลายเป็นหอกยาว

” เจ้าไม่สามารถที่จะต่อกรกับผู้ที่อยู่ในขอบเขตจิตวิญญาณด้วยพลังของเจ้าในตอนนี้ได้” ลวี่เหลี่ยงกล่าว เขารู้สึกถูกคุกคามโดยหลินเฟิงนั่นป็นเหตุผลที่เขาปลดปล่อยจิตวิญญาณออกมา

ตั้งแต่ที่เขาผ่านการทดสอบจากหน้าผาจ้านกู้ มันทำให้ทักษะอัสนีคำรามของเขาแข็งแกร่งกว่าก่อนหน้านี้มากนัก ถึงแม้หลินเฟิงจะอยู่เพียงแค่ขอบเขตพลังปราณขั้นที่ 8 แต่เขาก็มีความแข็งแกร่งที่เทียบเท่าได้กับนักสู้ขอบเขตพลังปราณขั้นที่ 9 ด้วยการโจมตีที่ร้ายกาจของเขา เขาเข้าใจถึงทักษะทั้งหมดของตัวเองแล้วจริงๆ

แต่เมื่อลวี่เฟิงปลดปล่อยจิตวิญญาณของเขาออกมา ทำให้เขาแข็งแกร่งยิ่งขึ้นและสามารถป้องกันการโจมตีด้วยการใช่พลังปราณที่ปลดปล่อยออกมาจากกรงเล็บ

ผู้ที่อยู่ขอบเขตพลังปราณไม่สามารถที่จะต่อกรกับผู้ที่อยู่ในขอบเขตจิตวิญญาณได้? หลินเฟิงไม่คิดเช่นนั้น เขาเลือกที่จะเสี่ยงชีวิตและเผชิญหน้ากับมัน









เครดิต : https://www.thai-novel.com/นิยาย/นิยายแปลไทย/peerless-matial-god/

ความคิดเห็น

Facebook