ตอนที่ 4 กวัดแกว่งดาบ
เมื่อหลิน เฟิง พูดจบ พื้นที่โดยรอบก็เงียบสงัดลงทันที
หลิน เฟิงเป็นฝ่ายขอหลิน หยุน ท้าประลอง?
แม้แต่หลิน ไห่ก็ยังตกตะลึง และมองไปที่ลูกชายของเขาด้วยความประหลาดใจ ผู้อาวุโสที่อยู่บนที่นั่งกำลังจะลุกออกไปเขากลับมานั่งลงอีกครั้ง และมองหลิน เฟิง ด้วยความสนใจ
หลิน ห้าวหราน ยิ้มอย่างเย็นชา ความโกรธเกรี้ยวในใจของมันเริ่มที่จะลดน้อยลง มันไม่คิดว่าเจ้าขยะนี่มันจะกล้าท้าลูกชายของเขา
“หลิน หยุน, รับคำท้าซะ” หลิน ห้าวหราน จ้องมองไปที่ดวงตาของหลิน หยุนอย่างหนักแน่น
หลิน หยุน มองไปที่หลิน เฟิง อย่างดูถูก ในตระกูล,ความสามารถของเขาถือเป็นเพียงแค่คนธรรมดา เมื่อเขาเผชิญหน้ากับหลิน เฟิง ทำให้มันรู้สึกภาคภูมิ และดูสูงส่งขึ้น ดังนั้นทุกครั้งที่เขาเห็นหลิน เฟิง เขาจะรู้สึกมีความสุขอย่างมากที่ได้รังแกหลิน เฟิง แต่ตอนนี้ เจ้าขยะนี่มันกล้าที่จะท้าทายข้า ทำให้ใบหน้าของเขาคลุมเครือ
“ข้าจะยอมแพ้ ถ้าเจ้ารับการโจมตีขอข้าได้ 3 กระบวนท่า” หลิน หยุน กล่าวขณะเดินออกมา มันวางแผนที่จะเอาชนะหลิน เฟิง ด้วยวิธีที่โหดร้ายที่สุดเพื่อให้หลิน เฟิงเข้าใจว่ามันเป็นขยะยิ่งกว่าขยะ
“ถ้าเจ้าสามารถรับหมัดของข้าได้ ถือว่าข้าพ่ายแพ้” หลิน เฟิง ส่ายหัวของเขา และพูดอย่างเฉยเมย พูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่แนแส ราวกับว่าหลิน หยุนไม่สามารถรับหมัดของหลิน เฟิงได้ ทำให้ใบหน้าของหลิน หยุนมืดครึ้มทันที
เหล่าผู้คนในตระกูลตกตะลึง และมองไปที่หลิน เฟิง มันต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ ถึงพูดจาโอ้อวดเช่นนี้ออกมา
“มันไม่สำคัญ ไม่ว่าเจ้าขยะนี่จะพูดจาสวยหรูขนาดไหน แต่ยังไงมันก็ยังเป็นแค่ขยะที่ดีแต่พูด มันเป็นอย่างเดียวที่เจ้าขยะนี่มันทำได้” หลิน หยุนหัวเราะเยาะ
หลิน เฟิง หัวเราะ ข้าดีแต่พูด? เขาพูดเพียงไม่กี่คำ
“รับหมัดของข้าให้ได้ล่ะ” หลิน เฟิง ไม่ต้องการเสียเวลาพูดคุยอีกต่อไป หลังจากที่เขาพูดจบ เขาพุ่งไปข้างหน้า และปล่อยหมัดของเขาไปที่หลิน หยุน ทันที
“หมัดเดียว?” แววตาของหลิน หยุนเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยม เขาไม่ได้หลบเลี่ยงหมัดของหลิน เฟิงแต่อย่างใด มันกลับยกกำปั้นขึ้นแทน มันต้องการให้หลิน เฟิง รู้ถึงความแตกต่างระหว่างระดับทักษะของมัน
อากาศเริ่มสั่นสะเทือน และมีคลื่นพลังที่บ้าคลั่งปรากฏออกมาจากหมัดของ หลิน เฟิง ทำให้เกิดเสียงอึกทึก แต่ฝูงชนเห็นเพียงแค่คลื่นพลังที่หนักหน่วงพุ่งตรงไปที่หลิน หยุน ก่อนที่จะทะลวงผ่านร่างของมัน
ทักษะต่อสู้, เก้าคลื่นทลายสวรรค์!
ใบหน้าของหลิน หยุนเปลี่ยนไปอย่างกระทันหัน เมื่อมันรู้สึกถึงพลังที่รุนแรงในหมัดของหลิน เฟิง แต่ตอนนี้มันก็สายเกินไปแล้วที่จะหลบ หมัดของทั้งคู่ได้ปะทะกันและกัน หลิน หยุน รู้สึกว่าคลื่นพลังของหลิน เฟิงมันกำลังทะลวงผ่านร่างกายของเขาอย่างรุนแรง คลื่นแต่ละคลื่นมีความแข็งแกร่งมากกว่าคลื่นหน้านี้อย่างไม่สิ้นสุด
“ปัง!”
ร่างกายของหลิน หยุนบินกระเด็นออกไป ทำให้ผู้คนตกตะลึง ภาพเหตุการณ์ตรงหน้ามันเหมือนกับการต่อสู้ระหว่าง หลิน ไห่ และหลิน ป้าเต้า ก่อนหน้านี้ไม่มีผิด หลิน หยุนไม่สามารถรับหมัดของหลิน เฟิงได้แม้แต่น้อย ทำให้มันกระเด็นออกไป เพียงแค่หมัดเดียว
หลิน ห้าวหราน ยืนขึ้น และจ้องมองหลิน หยุนที่นอนกองอยู่บนพื้น
“มัน.. มันเป็นไปได้อย่างไร…” หลิน หยุน ประหลาดใจที่มันแพ้หลิน เฟิง แม้แต่หลิน ห้าวหรานก็ไม่สามารถยอมรับความจริงอันโหดร้ายนี้ได้
เมื่อฝูงชนได้ยินคำพูดของหลิน หยุน , พวกเขาเริ่มนึกถึงคำพูดที่หลิน เฟิง กล่าวเอาไว้ก่อนหน้านี้ “เจ้ามัวแต่พล่ามว่าข้าเป็นขยะอย่างโน้นอย่างนี้ ข้าอยากจะถามเจ้าว่า ถ้าวันหนึ่งเจ้าอ่อนแอกว่าข้า เจ้าจะอับอายขนาดไหน?”
“นี่นะหรือ นายน้อยที่เขาว่าเป็นขยะแห่งตระกูลหลิน?” เมื่อมองไปที่หลิน เฟิง ทุกๆคนในกลุ่มผู้ชมรู้ว่าการที่เขาสามารถซัดหลิน หยุนให้ปลิวกระเด็นด้วยหมัดเดียวนั้น หมัดของเขาจะต้องมีความแข็งแกร่งอย่างน้อย 6,000 จิน
“เจ้าพล่ามว่าข้าเป็นขยะ แต่เจ้าไม่สามารถรับหมัดของข้าได้?” หลิน เฟิงกล่าวอย่างเยาะเย้ย และมองหลิน หยุนด้วยสายตาที่ดูถูก
“และเจ้า เจ้าเป็นถึงผู้อวุโสแต่ยังด่าทอ ข้าว่าขยะอยู่ตลอดเวลา ตอนนี้ลูกชายของเจ้าแพ้ข้าด้วยเพียงหมัดเดียว เจ้ามักจะบอกข้าว่าเป็นเศษขยะ แต่ตอนนี้ลูกชายของเจ้าก็เป็นเศษขยะด้วยเช่นกัน”
หลิน เฟิง เงยหน้าขึ้นมอง หลิน ห้าวหราน และกล่าวว่า
“เจ้าเพียงแค่อยู่ขอบเขตพลังปราณขั้นที่ 6 เท่านั้น แต่เจ้ากลับหยิ่งยโสเช่นนี้?” ใบหน้าหลิน ห้าวหรานกลายเป็นอัปลักษณ์ทันที ที่มันมันถูกดุด่า
“ข้าไม่ได้หยิ่งแม้แต่น้อย ข้าแค่คืนคำพูดที่ลูกของเจ้าพูดกับข้า” หลิน เฟิงไม่อยากจะพูดอะไรอีกแล้ว เขาหันเพื่อจะออกไป และกล่าว: “ถ้าเจ้าทำให้ผู้อื่นต้องอับอาย คนผู้นั้นก็จะทำให้เจ้าต้องอับอายเช่นกัน!”
“ถ้าเจ้าทำให้ผู้อื่นต้องอับอาย คนผู้นั้นก็จะทำให้เจ้าต้องอับอายเช่นกัน!” หลิน ไห่ พูดเบาๆ และก็ยิ้ม ลูกชายของเขาเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ เขาถึงกับกล่าวคำพูดพวกนั้นได้
หลิน เฟิง กลับมาที่ห้องของเขาที่อยู่ภายในลาน และเริ่มฝึกฝนอีกครั้ง แม้ว่าเขาจะผ่านขอบเขตพลังปราณขั้นที่ 5 แล้ว แต่มันก็ยังไม่เพียงพอสำหรับเขาที่ต้องการอยู่จุดที่สูงกว่านี้ หลิน เหิงผู้ที่ทับตีเขา และโยนเขาออกจากประตูของนิกาย เขามีพรสวรรค์มากกว่าหลิน หยุน และตอนนี้เขาอยู่ในขอบเขตพลังปราณขั้นที่ 8
นอกจากนี้ยังมีลูกของหลิน ป้าเต้า พรสวรรค์ของลูกของเขา มากกว่าหลิน หยุน อย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งลูกสาวของ หลิน ป้าเต้า ที่ชื่อ หลิน เชียน มีข่าวลือว่านางได้บรรลุถึงขั้นที่ 9 แล้ว
ภายใน 3 เดือนนี้ จะมีการประชุมประจำปี ในเวลานั้นทุกคนในตระกูลหลินจะต้องเข้าร่วม แม้แต่ผู้ที่ฝึกฝนอยู่ในนิกายก็ต้องกลับมาเข้าร่วมการประชุม ถ้าเขาไม่เพิ่มการบ่มเพาะพลังของเขา มันจะต้องทำให้เขาต้องอับอายอย่างแน่
การบ่มเพาะพลังนั้นมันไม่มีที่สิ้นสุด เวลาจะผ่านไปอย่างรวดเร็ว เมื่อตอนที่นักสู้กำลังฝึกฝน นักสู้ที่สามารถดูดซับพลังของสวรรค์ และโลกได้ การไม่กิน หรือ ดื่ม เป็นเวลา 10 วันนั้นก็ไม่มีปัญหาสำหรับพวกเขา ไม่ต้องสงสัยเลยว่าพลังของโลกนั้นบริสุทธิ์อย่างมาก
10 วันผ่านไป หลิน เฟิง ก็เดินออกจากห้องของเขา เขาหายใจเข้าออกอย่างช้าๆ ในช่วง 10 วันมานี้ เขาได้บรรลุขอบเขตพลังปราณขั้นที่ 6 แล้ว และอาจจะสามารถบรรลุขอบเขตพลังปราณขั้นที่ 7 ได้เร็วๆนี้
หลิน เฟิงรีบเดินไปหาพ่อของเขา และเข้าไปในห้องของหลิน ไห่
“เสี่ยว เฟิง , เจ้าอยู่บ้านฝึกฝนก็ได้ ทำไมเจ้าต้องการกลับไปยังนิกายอีก?” หลิน ไห่กังวล เมื่อเขาได้ยินหลิน เฟิงพูดว่าอยากจะกลับไปนิกายอีกครั้ง หลิน ไห่ยังคงรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่ผ่านมา และไม่สามารถปล่อยให้มันเกิดขึ้นซ้ำอีกได้
“ท่านพ่อ บางครั้งมันก็มีบางอย่างที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ถ้าข้าซ่อนตัวอยู่ในบ้านและฝึกฝน ท่านพ่อก็คอยแต่จะปกป้องข้า แล้วข้าจะเติบโตเป็นนักสู้ที่แข็งแกร่งในเส้นทางแห่งการต่อสู้ได้อย่างไร?” สายตาของหลิน เฟิง เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นอันแรงกล้า ความแข็งแกร่งของนิกายนั้นมากกว่าตระกูลหยินอย่างมาก ในนิกายมีทักษะที่แข็งแกร่ง และการแข่งขันอันดุเดือด ที่แห่งนั้นมันจะทำให้ข้าพัฒนาได้เร็วขึ้น
เมื่อเห็นความดื้อรั้นในสายตาของหลิน เฟิง , หลิน ไห่ถอนหายใจ ลูกชายของเขาเติบโตขึ้นแล้วจริงๆ ถ้าเขาหลบซ่อนอยู่แต่ในบ้านและฝึกฝนมันเป็นพฤติกรรมที่ขี้ขลาด และมันจะเป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นนักสู้ที่แข็งแกร่งในเส้นทางแห่งการต่อสู้ อย่างไรก็ตามในจุดยืนของหลิน ไห่ เขาไม่เต็มใจนักที่จะให้หลิน เฟิงไปจากหัวอกของคนเป็นพ่อเป็นแม่
“ตั้งแต่ที่เจ้ายืนหยัดจะกลับไปที่นิกาย ข้าก็จะไม่หยุดเจ้า แต่เจ้าต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของตัวเจ้าเอง” หลิน ไห่กล่าวขณะที่เขาพยักหน้า
“ท่านพ่อ ท่านไม่ต้องกังวล ข้าจะฝึกฝนให้หนักขึ้น และทำให้พวกเขาทั้งหมดอยู่ใต้เท้าของข้า” คำกล่าวของหลิน เฟิง เต็มไปด้วยความรู้สึกมั่นใจในตัวเอง ด้วยจิตวิญญาณแห่งความมืดของเขา ทำให้ความเร็วในการบ่มเพาะพลังของเขาเร็วกว่าคนทั่วไปหลายเท่า ความสามารถในการทำความเข้าใจ และพลังใจของเขาก็แข็งแกร่งขึ้น เขาไม่เชื่อว่าเขานั้นจะอ่อนแอกว่าผู้คนที่ถูกเรียกว่า “อัจฉริยะ”
หลิน เฟิง ไม่ได้หยิบเอาอะไรไปมากมายนัก เพียงแค่เอาม้าไป และถุงหาหารแห้ง กับ เงินนิดหน่อย
“ท่านพ่อ ข้าไปละ” นอกเมืองหยางโจว, หลิน เฟิงมองไปที่พ่อของเขาขณะกล่าวอำลา
“ระมัดระวังตัวด้วย” หลิน ไห่ พยักหน้า
หลิน เฟิงกำลังขี่เดินทางไปยังนิกาย ทำให้เมืองหยางโจวเริ่มหายไปจากสายตาของเขาอย่างช้าๆ
ในแผ่นดินอันกว้างใหญ่ไม่มีที่สิ้นสุดนี้ หลิน เฟิงกำลังขี่ม้าทำให้เขาเกิดความภูมิใจ และความทะเยอทะยานขึ้นในใจของเขา
ในชีวิตที่แล้วของเขา หลิน เฟิงชอบดูหนังต่อสู้ อัศวินขี่ม้าพร้อมกับดาบของเขาและเดินทางไปทั่วหล้า เขาไม่คิดว่าในชีวิตนนี้เขาจะมีโอกาสได้ขี่ม้า และเดินทางไปทั่วหล้าได้อย่างอิสระเสรี…….
ดื่มสุรา ร่ำร้องเพลงเศร้า และใช้ชีวิตอย่างอิสระ!
เป็นดั่งวีรบุรุษที่กวัดแกว่งดาบ ท่องโลกอย่างกล้าหาญด้วยความภาคภูมิ
ในชีวิตนี้เขามีโชคชะตาที่ไม่ธรรมดา เขามุ่งมั่นที่จะมีชีวิตอย่างสง่าผ่าเผย
ที่มา : https://www.thai-novel.com/นิยาย/นิยายแปลไทย/peerless-matial-god/
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น