ตอนที่ 34 แปดคนสุดท้าย Part 2
วันนี้เป็นวันที่ฉันโชคดีจริงๆ หลินลี่กล่าวขณะเดินเข้าสู่สนามรบและเผชิญหน้ากับหลินเฟิง
หลินเฟิงไม่มีความรู้สึกใดๆเลย เมื่อเขาเห็นรอยยิ้มหลินลี่ที่ยิ้มแย้มแจ่มใสเขาคิดว่าวันนี้โชคดีเหรอ?
บางทีหลินลี่อาจจะคิดต่างจากตอนนี้หลังจากที่ได้สู้
หลินเฟิงดูเหมือนจะโชคดีมากที่สมาชิกส่วนใหญ่กำลังดูการประชุมประจำปี ในระหว่างรอบแรก
หลินเซียนได้ช่วยให้เขาก้าวเข้าสู่รอบต่อไป ในระหว่างรอบที่มอง กลุ่มที่แข็งแกร่งที่สุด หลินหยู
ได้ยอมแพ้และแสดงความเมตาต่อเขา มันง่ายสำหรับเขาที่ไม่ต้องแสดงความแข็งแกร่งทั้งหมด
ของเขาและหลายคนเชื่อว่าเขาเพิ่งทะลายปราณระดับแปด แม้ในรอบที่สามเขาก็ยังโชคดีมาก
การต่อสู้ครั้งแรกของเขากับเจอคนที่อ่อนแอที่สุดอย่างหลินลี่ เขาคงไม่มีโอกาสแสดงความแข็ง
แกร่งของเขา
บางทีผู้อาวุโสหกได้เตรียมการไว้แบบนี้ หลินเฟิงคิด
"เจ้าสามารถโจมตีก่อนได้เลย ตกลงมั้ย? ขอให้เป็นการต่อสู้ที่ดี" หลินลี่กล่าวราวกับว่าเขาได้รับ
ชัยชนะในการต่อสู้แล้วกำลังเลือกคู่ต่อสู้คนต่อไปของเขา
"ตามนั้น" หลินเฟิงกล่าวขณะพยักหน้า
เคลื่อนที่ดั่งเงาจันทร์ เก้าคลื่นสวรรค์ หลินเฟิงจะโกน เมื่อหลินเฟิงเข้าใกล้หลินลี่ยังคงยิ้ม
เกิดคลื่นอากาศขนาดใหญ่ทำให้เกิดแรงกดดันทั่วบรรยากาศ คลื่นที่น่าสะพรึงกลัว ระลอกคลื่น
ที่หน้าหวาดหวั่นได้สั่นสะเทือนผ่านอากาศโดยรอบกำปั้มหลินเฟิง หลินลี่ยังมีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้า
แต่ขณะเดียวกันนั้นเขาก็หวาดกลัว เขาได้วางแผนที่จะรับการโจมตีแล้วชนะโดยการแสดงความ
แข็งแกร่งที่เหนือกว่า แต่ตอนนี้เขากลับกลัวฝ่ายตรงข้ามของเขา มันยังไม่สายเกินไปที่เขาจะถอนคำพูด?
บู้มมมมมมม !!!
"เจ้าแพ้แล้ว"
ร่างกายของหลินลี่ลอยออกไป รอยยิ้มที่มั่นใจของเขาบนใบหน้ามองดูหน้าขายหน้าซะจริงๆ
หมัดเดียว เพียงหมัดเดียวสามารถกำจัดเขาออกไปได้ เขาเชื่อว่าเขาโชคดีได้ไม่นาน
ดูเหมือนว่าไม่มีใครเห็นหลินเฟิงอยู่ในสายตาเขา เขาแข็งแกร่งได้ยังไง? หลินลี่คิด
หลินเฟิงเท่านั้นที่รู้ดีที่สุดพลังโจมตีสูงสุดของตัวเอง ดูเหมือนว่าเก้าคลื่นสวรรค์ของเขา
กำลังหลอมรวมกับจักรวาลทั้งมวลล้อมรอบพวกเขา เขายืมพลังของอากาศโดยรอบ
ขณะที่มันถูกกลืนกินด้วยแรงสั่นสะเทือน คลื่นนั้นเปรียบดั่งความรู้สึกของเขาที่อยู่
กลางมหาสมุทรอันกว้างใหญ่และไม่มีที่สิ้นสุด ซึ่งไม่มีใครสามารถหลบหนีได้ ไม่มีทางเลือก
อื่นนอกนากถูกกลืนโดยคลื่นที่ทรงพลัง
สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือหลินเฟิงไม่ได้รับบาดเจ็บแม่แต่ครั้งเดียวในการต่อสู้ของเขา หลินเฟิง
สามารถหลบการโจมตีที่เข้ามาได้ทั้งหมด และจัดการฝ่ายตรงข้ามด้วยการโจมตีเพียง
ครั้งเดียว ไม่มีแม้แต่รอยฝุ่นบนเสื้อของเขา เขาเป็นคนที่ไม่สามารถแตะต้องได้
.นี่มันอะไรกันเราเรียกอัจฉริยะที่แท้จริงว่าชิ้นส่วนของขยะ..? หลินลี่ไม่มีใครเกลียดชัง
หรือไม่พอใจในสายตาของเขา เขาจ้องไปที่หลินเฟิงด้วยความเคารพ แม้ความหวาดกลัว
จะเหลืออยู่ เขารู้ว่าหลินเฟิงได้แสดงให้เขาเห็นความเมตตาและความน่ากลัวถ้าเขาไม่
มอบความเมตตาให้
หลินเฟิงชนะ !! ผู้อาวุโสหกประกาส ผู้คนถอนหายใจเฮือกใหญ่
มันต้องเป็นเรื่องหลอกลวง หลินลี่พลังปราณขั้นที่แปด เขาได้กระทำการบางอย่างก่อน
หน้านี้ เขามันฉลาดแกมโกง
หลินเฟิงมีปราณระดับไหนกัน?
ฝูงชนทั้งหมดก็รู้สึกว่าชิ้นส่วนของถังขยะที่พวกเขากำลังมองหามีการเปลี่ยนแปลงอย่าง
สมบูรณ์และกลายเป็นบางสิ่งที่ลึกลับ เขากลายเป็นคนขี้โกงมีเล่เหลี่ยม หรือถือพลังคลอง
ปราณขั้นที่แปด ไม่ว่ามันคืออะไร เขาได้รับชัยชนะและได้รับความเคารพจากสมาชิกของตระกูล
หลายคน
เขาสร้างความประหลาดใจด้วยการลอบโจมตี ชิ้นส่วนขยะยังไงก็เป็นชิ้นส่วนขยะเหมือนก่อนหน้านี้
เขาเป็นคนขี้ขลาด หลินหวู่พูดด้วยน้ำเสียงที่ดูถูกเหยียดหยามเป็นอย่างมาก เมื่อได้ยิน
ความเห็นของสมาชิกทุกคน
ใช่แล้ว มันต้องเป็นอย่างนั้น หลินเฟิงมันชนะด้วยการลอบโจมตี เนื่องจากหลินลี่ไม่ได้เตรียมพร้อม
มิฉะนั้นแล้วเขาจะโยนหลินลี่ลงจากเวทีได้อย่างง่ายๆได้เยี่ยงไร? สมาชิกในตระกูลกล่าวสนับสนุน
หลินหวู่
พวกเขาเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นจากคำพูดของหลินหวู่ และบางคนเริ่มที่จะดูถูกหลินเฟิง
แต่หลินเฟิงไม่ได้สนใจความเห็นพวกนี้ เขาทำเหมือนไม่ได้ยินอะไรเหมือนก่อนหน้านี้ แต่ตอนนี้
เขาทำให้ทุกคนต้องชดใช้ ทุกคนที่ทำให้เขาอับอายเขาต้องถูกลงโทษ ชิ้นส่วนขยะรึ?
เขาจะทำให้ประหลาดใจ ? แล้วทุกคนจะต้องผิดหวัง
การต่อสู้ครั้งที่สี่ หลินหวู่ สู้กับ หลินเฮิน
ในขณะที่กำลังมองไปที่พวกเขาบนเวทีการต่อสู้ ดวงตาหลินเฟิงแสดงความอยากรู้อยากเห็น
ในระหว่างรอบสุดท้าย หลินหวู่ และหลินเฮิน อยู่ในกลุ่มเดียวกัน แต่ในระหว่างการต่อสู้ครั้ง
สุดท้ายของกลุ่มเขา ก่อนหน้านี้หลินเฮินได้ปฏิเสธที่จะต่อสู้แล้วยอมจำนน แต่รอบนี้หลินเฮิน
และหลินหวู่ อยู่ฝ้ายตรงข้ามกันอีกครั้ง เป็นไปได้ไหมที่ผู้อาวุโสหกกระทำการแบบนี้อย่างตั้งใจ?
เรามาไกลมากแล้ว เราไม่จำเป็นต้องต่อสู้กันโดยไม่จำเป็นกับสมาชิกในตระกูลคนอื่นๆ เราต้อง
การต่อสู้กันเองหรือไม่? หลินหวู่กล่าวติดตลกขณะมองไปที่หลินเฮิน เป็นแค่คนขี้ขลาดกลัว
ที่จะต่อสู้ ไม่มีอะไรมากกว่านั้น
ไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้น หลินเฮินกล่าว ขณะส่ายหน้าแล้วยิ้ม
คนขี้ขลาด
เขากำลังทำให้ตระกูลหลินเสียหน้า
หลายคนเริ่มที่จะดูถูกเขา หลินเฮินเคยผ่านเข้ารอบมาก่อนแล้วเป็นเขาที่ยอมแพ้
เพื่อที่จะเอาแต่ใจตัวเอง แต่ตอนนี้คงยอมแพ้จริงๆ นั่นเป็นความอับอายขายหน้าให้แก่ตระกูลหลิน
ขี้ขลาด หากเจ้าไม่สามารถสู้ได้งั้นจงออกไปให้พ้น ลงไปจากเวทีประลองการต่อสู้ซะ
หลินหวู่โกรธมากที่ได้ยินว่าเขายอมแพ้อีกครั้ง
หลินเฮินกำลังมองไปที่หลินหวู่และจู่ๆใบหน้าเขาแสดงอาการแปลกๆ เขาไม่ได้ลงจากเวทีแต่
เขาย้ายไปด้านหน้าของหลินหวู่แทน
ข้าจะนับถอยหลังสามวิ ถ้าเจ้าไม่ออกจากเวทีก่อนเวลา แล้วอย่าหาว่าข้าไร้ความปราณี
กล่าวกับหลินเฮิน
เจตนาฆ่าสามารถมองเห็นได้บนใบหน้าเขา ทันใดนั้นพลังอำนาจพุ่งพล่านล้อมรอบ
ร่ายกายของเขาแล้วพุ่งเข้าชนกับหลินหวู่
"สาม" หลินเฮินนับ
ในขณะนั้นร่างกายของหลินวูก็สั่นเทาเขาดูเหมือนว่าเขาจะแข็งตัวด้วยความกลัว
เหงื่อออกมาจากหน้าผากของเขาและใบหน้าของเขาก็แสดงให้เห็นถึงความเมื่อยล้า
เขาจ้องมองที่หลินเฮินด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความตกใจ
นี่มันเป็นไปไม่ได้? เจ้าทำได้ยังไง? หลินหวู่วิ่งด้วยความประหลาดใจ เจ้ามีความแข็ง
แกร่งในการเพาะปลูกถึงปราณขั้นไหนกัน?
หลินหวู่ไม่ได้เป็นคนเดียวที่มึนงง คนอื่น ๆ ในฝูงชนก็มึนงง ระดับพลังปราณเขา
เขาเพิ่งใช้พลังของนักเพาะปลูกของชั้นจิตวิญญาณ ที่เงียบสงบและเหลินเฮิน
ได้ซ่อนพลังของเขาตลอดเวลามานี้ ทุกคนรู้สึกตกใจที่ชายหนุ่มคนนี้ซ่อนพลังที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้
พลังระดับจิตวิญญาณ นอกจากหลินเซียนในหมู่ผู้เยาว์แล้ว ดูเหมือนว่าจะมีเพียงหลินเฮิน
ที่ทะลายผ่านขั้นนี้ได้ และดูเหมือนหลินเซียนจะเป็นศิษย์ที่โดดเด่นที่สุด
ผู้อาวุโสหกยิ้มด้วยความพอใจ เขาฉีกยิ้มกว้างบนใใบหน้าของเขา หลินเฮิน แอบฝึกฝนและ
ซ่อนความสามารถของเขา คราบเท่าที่ไมแสดงความสามารถของเขา มันเป็นเรื่องยากที่
คนอื่นจะบอกได้ว่าเขาถึงระดับขอบเขตจิตวิญญาณ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเขาระวังพลังที่เขา
ซ่อนไว้
เขาซ่อนพลังที่แท้จริงของเขาไว้ หลินต้าเถ๋าคิด แล้วมองไปที่ผู้อาวุโสหก แต่ทันใดนั้น
เขาก็ตระหนักได้ว่ายังมีความหวัง
เจ้าปรับใช้เข้ากับสถานะการณ์ได้ดีมาก หลินต้าเถ๋ามองผู้อาวุโสหกแล้วยิ้มอย่างเย็นชา
เมื่อการประชุมประจำปีสิ้นสุดลงแล้วเขาก็จะกลายเป็นหัวหน้าตระกูลอีกครั้ง หลินต้าเถ๋า
ไม่เข้าใจว่าทำไมผู้นำคนก่อนได้เสียชีวิตบนเตียง ได้มอบพลังให้กับหลินไฮ่ ไม่ใช่เขา
หลินไฮ่ไม่ค่อยได้กลับมายังตระกูล เมื่อเขายังเด็กเขามักจะท่องเที่ยวและหลบซ่อนจาก
เป้าหมายของตระกูล หลินต้าเถ๋าเป็นเสาหลักของตระกูลและอุทิตชีวิตให้กับมัน
การได้เป็นหัวหน้าตระกูลเป็นความใฝ่ฝันของหลินต้าเถ๋าเสมอ และเพราะเขาล้มเหลว
ต่อความพยายามนั้นคือจุดเริ่มต้นจากใจเขา
"2" พลังงานของหลินเฮินเริ่มแข็งแกร่งขึ้นและทรงพลังขึ้น มันเป็นการกดดันที่มากจน
ทำให้หลินหวู่หายใจไม่ออก เขาไม่เคยรู้สึกกดดันอย่างนี้เลยแล้วเสียใจกับความหยิ่ง
ผยองในตัวของเขาก่อนหน้านี้
ทุกคนเชื่อว่าหลินหวู่พลังปราณอยู่ระดับแปด แต่จริงๆเขาไปถึงระดับเก้าเมื่อไม่นานนี้
เขาคิดว่าทำให้ทุกคนประหลาดใจในการประชุมประจำปีนี้ แต่ความฝันของเขาไม่เป็น
ความจริง เขาไม่ได้รับโอกาสที่จะแสดงอะไรพิเศษให้ผู้ชมเห็น หลินเฮินกำลังข่มขู่เขา
อยู่ในขณะนี้แล้วบอกให้เขาออกไปขณะที่เขายังไม่สามารถทำอะไรได้ มิเช่นนั้นเขาต้อง
แบกรับผลกระทบที่จะตามมา
ก่อนที่เจ้าจะดูถูกและทำให้ผู้อื่นอับอายขายหน้า เจ้าควรคิดให้ดีทั้งสองครั้ง ข้าไม่เต็มใจ
ที่จะสู้กับเจ้าเพื่อผลประโยชน์ของตระกูล ไม่ใช่เพราะข้ามีพลังน้อยกว่าเจ้ ข้าเกลียดเจ้า
และถ้ามันไม่เป็นเพราะสายเลือดเรามีร่วมกัน ข้าจะฆ่าเจ้าที่ยืนอยู่เบื้องหน้า หลินเฮินกล่าว
เขาดูเหมือนจะต่างจากเดิมอย่างสิ้นเชิง พลังที่พลุ่งพล่านยังคงเพิ่มมากขึ้นและหลินเฮิน
กำลังจะทำการนับครั้งสุดท้าย
.............
ข้ายอมแพ้ หลินหวู่ที่รู้สึกว่า เขากำลังถูกบดขยี้โดยพลังที่มากล้น จากนั้นเขาก็หันกลับ
แล้วออกจากเวทีการประลองไปโดยไม่หันกลับมามอง
หลินเฮินช่างแข็งแกร่งจริงๆ !! ฝูงชนกล่าวออกมาอย่างเทิดทูนเขา
การทะลวงผ่านระดับขอบเขตปราณเป็นความฝันของเหล่าผู้ที่บ่มเพาะพลังทุกคน
การเข้าถึงก่อนอายุยี่สิบปี ทำให้เขามีโอกาสที่จะผ่าน ขอบเขตปฏพี หรือระดับ
ขอบเขตนภา ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด
น่าสนใจจริงๆ หลินเฟิงกล่าวหัวเราะแล้วกล่าวออกมา หลินเฮินได้ผ่านขอบเขต
จิตวิญญาณ ผู้อาวุโสหกอาจจัดเตรียมการต่อสู้อย่างเจตนาเช่นเดียวกับเขา
ที่ทำเพื่อส่งเสริมชื่อเสียงลูกชายของตัวเอง หลินเฮินได้ยอมแพ้ในรอบที่สองดังนั้น
เขาจึงอยากเห็นหลินเฮินต่อสู้กับหลินหวู่ในรอบที่สาม เขามีความสุขที่หลินหวู่ได้รับ
บทเรียนต่อหน้าฝูงชนจำนวนมาก เขายอมแพ้เหมือนคนขี้ขลาด ซึ่งก่อนหน้านี้
เขาเคยเรียกหลินเฮินแบบนั้นมาก่อน
ไอ้เศษขยะ อะไรที่ทำให้เจ้ามีสิทธิ์มาหัวเราะคนอย่างข้า? เจ้าเป็นความอับอายของตระกูล
การแสดงออกของหลินหวู่ดูหน้าเกลียดเมือเขาได้เห็นรอยยิ้มของหลินเฟิง ช่วยไม่ได้ที่
เขาจะตะโกนเสียงดังก้องไปทั่วสนามการแข่งขัน
เมื่อมีคนได้ยินว่าหลินหวู่กำลังตะโกนไปที่หลินเฟิง ช่วยไม่ได้ที่พวกเขาจะหัวเราะออกมา
โดยเฉพาะหลินต้าเถ๋าที่กล่าวว่า หลินหวู่ ถูกหลินเฮินที่มีระดับขอบเขตจิตวิญญาณ
ทำให้เสียหน้า แต่ก็ไม่คิดว่าเจ้าขยะนั้นจะกล้าหัวเราะกับเขา มันช่างไร้ยางอายเสียจริง
เขาทำให้ขายหน้า
เมื่อหลินเซิ่นได้ยินคำพูดเหล่านี้ไม่กี่คำ เขารู้สึกดีขึ้นมากและพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า
เจ้าขยะนั้นประเมินตัวเองสูงเกินไป
หลินไฮ่ที่อยู่ไม่ไกลจากเขา แสดงออกอย่างหนาวเย็นและหยุดการกระตุ้นการฆ่าที่พวกนั้น
หลินเฟิงมึนงง เขาไม่มีความคิดเลยว่าหลินหวู่มีสิ่งใดที่ทำให้โมโหได้ เขาเพิ่งโชคร้ายที่ได้
กระตุ้นคนผิดด้วยความหยิ่งผยองของเขา ทำไมเขาต้องพาลด้วยละ?
เจ้ากำลังมองไปไหน เจ้าขยะ? แทนที่จะหลบซ่อนตัวอยู่ข้างหลังพ่อของแก ไม่ใช่มาเสนอ
หน้าต่อสู้กับข้า? หลินหวู่โกรธมากจนไม่มีที่ว่างในใจจะเก็บไว้ เขาจึงระบายมันกับหลินเฟิง
เพื่อปลดปล่อยความโกรธของเขาทั้งหมด
"นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าเห็นคนไร้สาระและน่าขัน เจ้าเพียงแค่รู้สึกอับอายขายหน้าเพราะ
ความเย่อหยิ่งของเจ้าเองดังนั้นเจ้าจึงกำลังพยายามกลั่นแกล้งข้า น่าสงสารจัง.”
หลินเฟิงส่ายหน้าแล้วเดินไปาหลินหวู่
ข้าจะนับถอยหลังสามวิ ถ้าเจ้าไม่ออกไปให้พ้นตาข้า แล้วอย่าโทษว่าข้านั้นโหดร้าย
หลินเฟิงใช้คำพูดเดียวกับหลินเฮิน ทุกคนต่างเงียบงัน เมื่อได้ยินเสียงหลินเฟิง
Cr.tuiimyk แปลเล่นๆครับ ไม่อยากรอนานๆ ถ้าตกหล่นแปลผิดยังไงก็ขอโทษด้วยนะครับ มือใหม่ครับ
อ่าน Eng ได้ที่ http://totallyinsanetranlation.com/peerless-martial-god-index/
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น