ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

Translate

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

Advice โปรแรงส่งท้ายปี ลดทั้งเว็บสูงสุด 20% 19-25 ธันวา 16

Peerless Martial God ตอนที่ 31

บทที่ 31 เริ่มต้นความสนุก


หลินไฮ่ และหลินเฟิงได้เคลื่อนที่ไปยังเจ้าภาพที่ยืนอยู่บนเวทีใหญ่ ที่บนเวที มีพื้นที่ว่างสำหรับนั่งที่
จัดไว้แล้วของหลินต้าเถ๋า หลินเซิ่น  หลินฮ้าวหลาน และหลินเซียน พวกเขานั่งสูงกว่าตำแหน่งศีรษะของคนอื่น ๆ ราวกับว่าพวกเขาเป็นผู้นำของตระกูลหลิน

เมื่อพี่ใหญ่หลินเซิ่ง เห็นว่า หลินไฮ่ และหลินเฟิงใกล้เข้ามา เขายืนขึ้นแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่ดังฟังขัดว่า
ในที่สุดพวกท่านก็มาถึง เราพร้อมกันแล้วด้วยเหตุนี้เริ่มการประชุมประจำปีได้



เมื่อหลินไฮ่ ได้ยิน หลิน เซิ่น พูด เขาหยุดเดินแล้วจ้องไปที่หลินเซิ่น ทุกๆคนเริ่มมองไปที่หลินไฮ่ด้วยความประหลาดใจว่า มีอะไรผิดปกติกับเขา

หลินไฮ่ มีอะไรผิดปกติรึ เจ้ากำลังทำอะไรอยู่? หลินเซิ่นถามหลินไฮ่ที่หยุดเดิน

อืม หลินต้าเถ๋า ข้าอยากจะถามเจ้า ใครเป็นหัวหน้าตระกูลหลิน ? หลินไฮ่ถามด้วยเสียงที่เยือกเย็น

หลินต้าเถ๋าถึงกับตะลึง แต่เขาแกล้งทำเป็นสงบใจแล้วตอบกลับไปว่า แน่นอนว่าเป็นเจ้าแน่นอน หลินไฮ่

ข้ามีอีกเรื่องที่จะถามเจ้า การประชุมประจำปีที่นั้นไม่สำคัญกับตระกูลหลินที่ยิ่งใหญ่รึ ?
หลินไฮ่ มองตรงไปเข้าไปยังในดวงตาของหลินเซิ่น

แน่นอนว่าสำคัญ ทุกๆปี การประชุมประจำปีของตระกูลเราเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด
"ดีมากแล้วฉันมีคำถามอื่นใครเป็นผู้รับผิดชอบในการจัดการงานสำคัญนั้น?"

ใบหน้าของหลินเซิ่นเริ่มซีดเผือกเมื่อได้ยินคำถามทั้งหมดของหลินไฮ่ เขารู้เจตนา
ของหลินไฮ่ในทุกคำถาม

หัวหน้าตระกูลเป็นผู้รับผิดชอบ

เนื่องจากข้ามีความเข้าใจชัดเจนว่าตอนนี้ทุกอย่างจะถูกจัดการโดยผู้นำตระกูล
หลินเซิ่น ข้าอยากถามเจ้าว่า เจ้ากำลังทำอะไรอยู่ตรงนั้น? ข้ายังเป็นผู้นำตระกูลหลินของเราถูกต้องหรือไม่?
น้ำเสียงของหลินไฮ่เต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราด

หลินเซิ่นและหลินต้าเถ๋า ได้ร่วมมือกันเพื่อบังคับให้หลินไฮ่สละตำแหน่งจากผู้นำตระกูล
เรื่องนี้ไม่ได้เป็นความลับและได้ผ่านการวางแผนดำเนินการมาเป็นเวลานาน เกือบทุกคนทราบเรื่องนี้
หลินเซิ่นกลายเป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตนมากขึ้น วันนี้เขาได้ประกาศเริ่มต้นงานโดยไม่ต้องรอให้หลินไฮ่นั่ง

เฮ้ ท่านลุง ท่านมาสายไปหน่อยนะ ผู้อาวุโสที่เคารพแค่ทำสิ่งที่เขาควรจะทำได้  มันผิดตรงไหนที่เขาทำหน้าที่ของเขา?
ท่านลุงไม่เข้าใจอะไรเลย หลินเซียนกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เป็นกลาง

หุบปาก !! หลินไฮ่ตะโกนออกไปด้วยอารมณ์

เจ้ากล้าขัดจังหวะในขณะที่ผู้นำตระกูลกำลังพูดอยู่ ? หลินต้าเถ๋าเจ้าดูแลลูกสาวของเจ้าหน่อย
ข้าว่านางได้รับการสั่งสอนมาแย่มาก

หลินเซียนแสดงใบหน้าที่น่าเกลียดบูดเบี้ยวออกมาด้วยความโกรธ นางด่าทอหลินไฮ่ในใจของนาง
ชายคนนั้นไม่ได้เป็นหัวหน้าตระกูลมานานแล้วและเขาเริ่มหมดอารมณ์แล้วล่ะ?

นางแข็งแกร่งกว่าลูกชายของเขา เจ้าขยะนั้นได้ควรได้รับการสั่งสอน หลินต้าเถ๋ากล่าว
ขณะจ้องมองไปยังดวงตาของหลินเฟิงและยิ้มด้วยความเย็นชา ทุกคนในตระกูลหลินได้
ยกย่องหลินเซียนด้วยอิทธิพลของเธอ หลินไฮ่จะกล้าทำร้ายเธอได้อย่างไร ?

ดูจากคำพูดของเจ้า ผู้นำตระกูลหลิน ในสายตาของนิกายข้านั้น ก็แค่นิกายเล็กๆ
ไม่มีอำนาจใดๆ เด็กสาวคนหนึ่งของนิกาย เฮ่าเย่ ยืนอยู่ข้างๆหลินเซียนและยิ้มอย่างเย็นชา
ผู้หญิงคนนั้นสวมเสื้อคลึมอันงดงาม ใบหน้าของนางดูไม่สวยเท่าหลินเซียน เธอเป็น
ศิษย์อันดับสูงของนิกายเฮ่าเย่ นางมีความคิดว่าตระกูลหลินนั้นต่ำต้อยไม่คุ้มต่าที่จะเผชิญหน้ากับพวกเขา

เจ้ากำลังบอกว่า นิกายเฮ่าเย่ ของเจ้าเป็นนิกายที่วิเศษจริงๆเหรอ แล้วทำไมเจ้าถึงได้นั่งอย่างเท่าเทียมกับ
สมาชิกตระกูลหลินล่ะ ? ดูเหมือนว่าพ่อของข้าซึ่งเป็นหัวหน้าคนเดียวของตระกูลหลินไม่เคยเชิญคน
ไร้มารยาทเช่นเจ้านะ เจ้านั้นไร้ยางอายจริงๆ นิกายเฮ่าเย่ มีแต่พวกไร้ยางอายเช่นนั้นรึ หลินเฟิงกล่าว
อย่างนิ่งเงียบ เขาไม่สามารถทนได้อีกแล้ว เขาถึงตัดสินใจเปิดปากพูด ใครจะแข่งจะแข่งกับเขาเรื่องของสติปัญญาละ ?

เจ้า...  ใบหน้าของนางเปลี่ยนไปทันที แต่หลังจากนั้นนางก็ยิ้มอย่างเย็นชา แล้วพูดว่า เจ้าขยะของนิกายหยุนไฮ่ นี่เจ้ากล้าพูดจาคำโตเชียวรึ

ไม่ว่าข้าจะใช่ หรือไม่ใช่ขยะ มันไม่ได้เป็นปัญหาตอนนี้ อย่างน้อยข้าก็มีเกียรติและจิตใจที่ซื่อตรง ไม่เหมือนคนบางคน
มาอยู่กับตระกูลของใครบางคนแล้วยังดูถูกผู้นำตระกูลของพวกเขา เหล่าศิษย์นิกาย เฮ่าเย่  นิสัยเป็นเช่นนี้รึ ?
เป็นการกระทำที่พิเรนที่สุด

หลินเฟิงกำลังเหน็บแนมอย่างเย้ยหยัน ใบหน้าของทุกๆ เปลี่ยนไปทันที

เจ้ามันสัตว์ชั้นต่ำ เจ้ากล้าดูถูกพูดจาให้ร้ายนิกายเฮ่าเย่ ผู้อาวุโสตระกูลหลินกล่าวอย่างโกรธเคือง

ช่างหน้าขันเสียจริง นางที่อยู่ตรงกลางของตระกูลหลินยืนขึ้น ก่อนที่พวกเจ้าทุกคนจะดูถูกผู้นำตระกูล
มีบางคนยืนขึ้นเพื่อปกป้องนาง ฉันอยากถามท่านผู้อาวุโสเจ็ด ท่านเป็นสมาชิกท่านหนึ่งของตระกูลหลิน
หรือเป็นสุนัขรับใช้ของนิกายเฮ่าเย่ ?

คำพูดของหลินเฟิงเชียบคมดั่งกระบี่ที่กำลังถากถางเข้าไปในส่วนลึกของผู้อาวุโสที่หยิ่งยโส

ลูกชายของข้ากล่าวถูกต้องแล้ว ข้ายังต้องการถามคำถามกับท่าน ผู้อาวุโสเจ็ดชื่อแซ่ของท่านคอแซ่หลินอยู่รึไม่?
หลินไฮ่ถามต่อจากการโต้แย้งของหลินเฟิง ตอนนี้หลินไฮ่รู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก ไม่ใช่แค่การเพาะปลูก
จะคืบหน้าอย่างก้าวกระโดด แต่วิธีการพูดของเขาก็มีสำนวนคารมคมคายมากขึ้นด้วย คำพูดของหลินเฟิงนั้นทำให้กระอักเลือดได้

เอาละข้าทำผิดเอง แน่นอนเจ้านั้นเป็นผู้นำตระกูล การประชุมประจำปีมีความสำคัญยิ่ง ไม่สามารถล่าช้าได้
ดังนั้นโปรดขึ้นมาและจัดการมันเถอะท่านผู้นำตระกูลหลิน หลินเซิ่นกล่าว ผู้ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก หลินต้าเถ๋า
พวกเขายอมอ่อนข้อ แท้จริงแล้วพวกเขาอยากจะดูว่า หลินไฮ่ และหลินเฟิงจะโอฮังไปอีกนานแค่ไหน

หืม... หลินไฮ่ เช็ดแขนของตัวเองแล้วเดินขึ้นไปบนเวทีและนั่งท่ามกลางพวกเขา

เจ้าจะจองฮองไปได้นานซักแค่ไหนกันเชียว ? เจ้ากล้าที่จะดูหมิ่นศิษย์ชั้นในของนิกายข้า หลินไฮ่ข้าต้องการให้เจ้าให้ความสนใจกับชะตากรรมของไอ้ขยะที่เจ้าเรียกว่าลูกชาย หลินเซียนพูดกับตัวเอง

เปิดการประชุมประจำปีได้ หลินไฮ่มองไปที่เวที ที่สร้างขึ้นเพื่อการต่อสู้ระหว่างสมาชิกในตระกูล
กลุ่มตระกูลหลินนั้นมีจำนวนคนกว่าห้าร้อยคน หนุ่มสาวรุ่นเยาว์ของตระกูลนั้นมีอายุน้อยที่สุดประมาณสิบแปดปี แต่มีเจ็ดสิบคนของตระกูลหลินกำลังเข้าสู่ช่วงยุคทองของพรสวรรค์

โชคร้ายยิ่งนัก ที่ไม่สามารถทราบได้ว่ามีสมาชิกบางคนในตระกูลพยายามทำร้ายลูกชายของเขา
ตระกูลหลินไม่ได้เป็นหนึ่งเดียวกัน และมีฝ่ายเล็กฝ่ายน้อยที่พยายามเพิ่มอำนาจของพวกเขา
ถ้าหลินไฮ่ลงจากตำแหน่งผู้นำตระกูลนั้นจะเป็นความผิดพลาดและจะนำตระกูลไปสู่ความโกลาหล

หลินไฮ่รู้สึกข่มขื่น ทำไมเขาต้องกังวลเกี่ยวกับทุกคนในตระกูลหลินในอนาคตด้วยละ?
ท่านพ่อ ท่านไม่ต้องเป็นห่วง ข้าจะไม่ปล่อยให้ใครมาทำอันตราย หลินไฮ่รู้สึกผิด
เขาจำได้ว่าพ่อของเขาเคยพูดกับเขาที่เตียงนอนขณะที่จวนจะตาย แต่น่าเสียดายที่เขาไม่สามารถทำมันได้

การประชุมประจำปีเป็นการทดสอบครั้งใหญ่สำหรับเยาวชนรุ่นเยาว์ของตระกูลหลินเพื่อดูว่า
พวกเขามีความคืบหน้าและมองเห็นอนาคตของตระกูลหลินอย่างไร

นอกจากนี้ยังมีการต่อสู้บางส่วนที่เกี่ยวข้องในการประชุมประจำปีเพื่อทดสอบความแข็งแกร่งของรุ่นเยาว์
ผู้อาวุโสสอง ของตระกูลหลินเดินขึ้นไปบนเวทีการต่อสู้ และกล่าวด้วยเสียงที่ดังและชัดเจนว่า
"รอบแรกของการชุมนุมประจำปีมีดังนี้" ไม่มีข้อจำกัดสำหรับทุกคน ที่อยู่บนเวทีต่อสู้และสมาชิก
สามสิบสองคนสุดท้ายที่เหลือจะได้เข้ารอบต่อไป.

ผู้อาวุโสสองของตระกูลหลิน ก้าวลงจากเวทีแล้วเหล่าสาวกรุ่นเยาว์ของตระกูลหลินได้เดินขึ้นไปบนเวทีต่อสู้

หลินเฟิงพยักหน้าขณะที่มองหลินไฮ่พ่อของเขา เขาก้าวเดินขึ้นไปยังบนเวที

ข้าไม่ทราบว่า หลินเซียนจะให้ความสำคัญกับข้าตั้งแต่เริ่มแข่ง หลินเฟิงคิด ใครยืนบนเวทีโดยการมีสมาธิกับผู้คนรอบตัวเขา
ทั้งเจ็ดสิบสามคนมาถึงบนเวที ทุกคนระมัดระวังอย่างยิ่ง โดยเฉพาะคนที่อ่อนแอกว่า เป็นเป้าหมายได้ง่ายสำหรับคนอื่นในการลดจำนวน

หลินเซียน ยังคงยืนอยู่ที่นั้นไม่ขยับไปไหนบนเวที สาวกคนอื่นๆ หลายคนต่างยอมแพ้และออกจากเวที
พวกเขาไม่กล้าที่จะยุแหย่คนอื่นที่แข็งแกร่งกว่าตน เป้าหมายรอบแรกคือการกำจัดคนอ่อนแอที่สุด
คนที่แข็งแกร่งไม่ค่อยได้รับการโจมตีจริงๆบนเวที เว้นแต่เขาจะมองหาปัญหา หลินเซียนเป็นหนึ่งใน
สาวกที่แข็งแกร่งที่สุดบนเวที ส่วนสาวกบนเวทีไม่มีใครเป็นคู่มือเลยสำหรับเธอ

เท่าที่หลินเฟิงกังวล เขาสังเกตุเห็นหลายคนกำลังจ้องมองเขา หลายคนมีแววตาส่องประกายไปที่
หลินเฟิงราวกับว่าพวกเขากำลังมองกองเงินกองทองด้วยความโลภ ทุกคนพิจราณาแล้วว่าเขาเป็น
เป้าหมายที่ง่ายดาย

การต่อสู้บางอย่างได้เริ่มขึ้นแล้วบนเวที สมาชิกรุ่นเยาว์ของตระกูลคนหนึางกำลังควงหอกไปมา
แล้วพุ่งไปทางหลินเฟิง ทุกคนที่อยู่ใกล้เขาเริ่มล้อมรอบตัวเขา หลินเฟ็งรู้ดีว่าพวกนั้นไม่คุ้มค่าเวลาของเขา


ไสหัวลงจากเวทีไปซะ ถ้าเจ้าอยู่ที่นี่พวกเราจะบังคับให้เจ้าเสียหน้า หลินวู กล่าวด้วยใบหน้าที่เกลียดจังหลินเฟิงเขาเป็นลูกชายของผู้อาวุโสเจ็ด ที่หลินเฟิงโต้เถียงทำให้เขาอับอายขายหน้า

หลินหวู มีพลังปราณอยู่ขั้นที่เจ็ด เมื่อหกเดือนที่แล้วพวกเขาได้พบกัน เขาได้ฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง เขาอาจจะถึงปราณขั้นที่แปดแล้ว ความแข็งแกร่งของเขาคล้ายคลึงกับหลินยู


เขาเป็นของข้า เสียงหนาวเย็นที่ส่งมาเย็นเยือบไปถึงกระดูกสันหลังของ สาวกในตระกูลหลายคน หลินเฟิงมองหลินเซียนที่สวมชุดสีแดงดู หยิ่งยโสตลอดเวลา

มันเป็นของข้าเหมือนกัน หลินหวูไม่เห็นด้วยกันหลินเซียนที่ไม่เปิดทางให้เธอ

หลินเซียนเดินไปหาหลินเฟิงแล้วกล่าวว่า อย่ากังวลว่าใครจะแตะต้องแกในรอบแรก เจ้าจะได้ผ่านรอบนี้ไป ถ้าเจ้าถูกเขี่ยออกไปตั้งแต่เริ่ม แบบนี้ก็หมดความสนุกสิ

ห่ะ ? หลินเฟิงกล่าวอย่างมึนงง เขาไม่คิดว่าหลินเซียนจะปกป้องไม่ให้เขาถูกเขี่ยออกจากการแข่งขันเร็วเกินไป
นั้นเป็นเรื่องน่าสนุก แต่ถ้าไม่ได้แพ้ไปก่อน เขาสามารถทำอะไรได้บ้าง ? แน่นอนว่าหลินเฟิงเข้าใจว่า หลินเซียน
ไม่ได้ปกป้องเขา เขาอาจจะแพ้ในรอบแรกกับจำนวนคนที่เขาเผชิญอยู่

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะมีชีวิตหรือตายในสังเวียนของนิกายหยุนไฮ่ หลินเฟิงไม่มีทางแพ้การเพาะปลูกปราณระดับเก้าในการโจมตีเพียงครั้งเดียว

หลินเซียนเจ้ากำลังทำอะไร ทำไมเธอต้องปกป้องเจ้าเศษขยะด้วยละ ? หลินเซิ่งกล่าวแทนที่หลินเซียนจะปกป้องเขาแล้วมองไปที่เจ้าโง่หลินเฟิง
ช่วยไม่ได้ที่เจาจะถามหลินต้าเถ๋าเกี่ยวกับการเริ่มงาน นี่มันตลกจิงๆเจ้าคงไม่คิดว่าจะได้เห็นไอ้เศษขยะไปถึงรอบสองหรอกนะ ? นอกจากนี้
การต่อสู้รอบที่สองประกอบไปด้วยการต่อสู้ขนาดเล็ก ทุกคนต้องสู้อย่างน้อยสองสามครั้ง ในสถานะการณ์แบบนี้คุณคิดว่าไอ้ขยะจะสามารถ
กลับมาแบบไม่เป็นอันตรายในเมื่อถึงเวลาที่ต้องสู้รบในรอบที่สองรึ? เราต้องรอรอบที่สองจะเป็นการเริ่มต้นความสนุกอย่างแท้จริง

เฮ้ เฮ้ ฉันไม่เกียวกับเรื่องนี้ได้ยังไง ? นี่มันงานที่สนุกสนานจริงๆ หลินเซิ่น รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งกับคำอธิบาย เขาจิตนาการได้ว่าหลินเฟิงกลายเป็นคนพิการโดยสมบูรณ์ในการโจมตีหนึ่งครั้งในรอบที่สอง.





Cr.tuiimyk  แปลเล่นๆครับ ไม่อยากรอนานๆ ถ้าตกหล่นแปลผิดยังไงก็ขอโทษด้วยนะครับ มือใหม่ครับ
อ่าน Eng ได้ที่ http://totallyinsanetranlation.com/peerless-martial-god-index/

ความคิดเห็น

Facebook