ตอนที่ 199 ความสงบก่อนที่พายุจะพัดมา
Lin Feng was dumbstruck. A short moment after, he took a deep breath.
หลินเฟิง ตกใจ ช่วงเวลาสั้นๆก่อนหน้านี้ก็ทำให้เข้าใจทุกอย่างและเขาหายใจเข้าลึกๆ
“Oh… my… god.” whispered Lin Feng. He thought that he had truly been tricked. He had really believed that Duan Ren City was in a critical situation. The imperial family was really hard to understand sometimes. They were living in two different worlds. For power and influence, there was nothing they wouldn’t dare to do. They wouldn’t hesitate to sacrifice other people.
“โถ่เว้ย” หลินเฟิง บ่นกับตัวเอง เขาคิดว่าตัวเองนั้นถูกหลอกอย่างแท้จริง เขาเชื่อจริงๆว่าเมืองต้วนเหลินอยู่ในสถานการณ์ที่วิกฤติ ดูเหมือนว่าตระกูลจักรพรรดิจะตัดสินใจอะไรบางอย่าง สำหรับอำนาจและอิทธิพล ไม่มีอะไรที่พวกเขาไม่กล้าทำ พวกเขาไม่ลังเลแม้แต่น้อยที่จะเสียสละผู้คน
“Are you going to let them wait outside this entire time?” asked Lin Feng. Liu Cang Lan smiled coldly and said: “Since I already knew their plans; invading my city without fighting is impossible. I want to see how they intend to seize my city as long as it’s under my control.”
“ท่านลุงจะปล่อยให้พวกเขารออยู่ข้างนอกนั้นเลยงั้นรึ?” หลินเฟิง ถาม หลิวชางหลาน ยิ้มและกล่าว “ตั้งแต่ที่ข้ารู้แผนการของพวกเขา การที่จะเข้ามาบุกรุกเมืองของข้าโดยปราศจากการต่อสู้มันเป็นไปไม่ได้ ข้าอยากที่จะรู้ว่าพวกมันจะใช้วิธีการใดเข้ามายึดเมืองนี้ตราบที่มันยังอยู่ภายในการควบคุมของข้า”
“But Lin Feng, you shouldn’t have come here with Fei Fei, it’s a bad situation.” said Liu Cang Lan with a wry smile on his face. In the past, he had asked Lin Feng to take Liu Fei with him because he didn’t want them to get caught in such a situation. He hadn’t thought that they would come back at the worst possible time.
“แต่ว่า หลินเฟิง เจ้าไม่ควรมาที่นี่พร้อมกับเฟยเฟย มันเสี่ยงมาก” หลิวชางหลาน กล่าวด้วยรอยยิ้ม ในอตีดเขาได้ให้ หลิวเฟย ติดตาม หลินเฟิง ไปเพราะไม่ต้องการให้พวกเขาตกอยู่ในสถานการณ์ที่อันตรายเช่นนี้ หลิวชางหลาน ไม่คิดว่าพวกเขาจะกลับมาในตอนที่สถานการณ์กำลังเลวร้ายอย่างที่สุด
“Since you’re already here, you cannot escape now.”
“ตอนนี้พวกเจ้าก็อยู่ที่นี้กันแล้ว,เจ้าไม่มีทางหนีได้แล้วตอนนี้”
Lin Feng shrugged without paying attention and just smiled.
หลินเฟิง ส่ายหน้าอย่างไม่สนใจและยิ้ม
“Alright, let’s go to the mansion.” said Liu Cang Lan said while shaking his head and smiling wryly. He was astonished by the crowd following Lin Feng. Each and every single one of them looked like a deity and released a fine Qi. They were all very strong, especially the girl wearing a fine veil. She was releasing a pure Qi. Liu Cang Lan found her very mysterious.
“เอาล่ะ ไปที่คฤหาสน์กันเถอะ” หลิวชางหลาน กล่าวขณะที่ส่ายหน้าเมื่อเห็นผู้คนที่ติดตาม หลินเฟิงมา พวกเขาแต่ละคนต่างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและมีพลังปราณที่แข็งแกร่งมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งหญิงสาวที่มีผ้าคลุมหน้า พลังปราณที่ออกมาจากร่างกายของนางนั้นช่างบริสุทธิ์ หลิวชางหลาน พบว่านางนั้นช่างเป็นคนลึกลับอย่างมาก
“Fei Fei, was Lin Feng good to you?” asked Liu Cang Lan on the tone of a joke while looking at Liu Fei.
“เฟยเฟย หลินเฟิง ทำดีต่อเจ้าหรือไม่?” หลิวชางหลาน ถามด้วยน้ำเสียงติดตลกขณะที่มองไปที่ หลิวเฟย
“Father.” said Liu Fei while looking at her father. She then immediately looked at Lin Feng and said: “Lin Feng chose to be the princess’ personal guard. It is a very big problem.”
“ท่านพ่อ” หลิวเฟย กล่าวขณะมองไปที่พ่อของนาง จากนั้นนางก็เหลือบมองไปที่ หลินเฟิง แล้วกล่าวว่า“หลินเฟิง ถูกรับเลือกให้เป็นองครักษ์ส่วนตัวขององค์หญิง นั่นเป็นปัญหาใหญ่”
“Argh….” Lin Feng was stunned. That girl was really vicious.
“อ่าาาา..” หลินเฟิง ถึงกับปวดขมับ นางช่างเป็นผู้หญิงที่โหดร้ายเสียจริง
“The princess’ personal guard?” whispered Liu Cang Lan astonished.
“องครักษ์ส่วนตัวขององค์หญิง?” หลิวชางหลาน รู้สึกประหลาดใจ
“Father, you also don’t know that Lin Feng in the Imperial City, Lin Feng befriended the second prince and that the princess thinks highly of him. The second prince even asked Lin Feng to take care of the princess.”
“ท่านพ่อ ท่านยังไม่ทราบถึงสถานะของ หลินเฟิง ในเมืองจักรพรรดิ เขาเป็นคนสนิทขององค์ชายสอง ต้วนหวูหยา และองค์ชายก็ยังประเมินค่าเขาไว้สูงอย่างมาก ถึงขนาดขอให้เขามาที่นี่เพื่อดูแลองค์หญิง ต้วนซินเย่”
When Lin Feng heard Liu Fei’s vivid explanations, he couldn’t help but had the feeling that he had done something bad and offended his father-in-law.
เมื่อ หลินเฟิง ได้ฟังคำอธิบายเกี่ยวกับตัวเขาจากปากของ หลิวเฟย ช่วยไม่ได้ที่มันจะทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจ เขารู้สึกราวกับว่าได้ทำผิดต่อว่าที่พ่อตาของเขา
“Lin Feng.” said Liu Cang Lan when he heard that Liu Fei was jealous. That guy was quite impressive, Liu Fei was already jealous of others.
“หลินเฟิง” หลิวชางหลาน กล่าวเขารู้สึกว่าน้ำเสียงของ หลิวเฟย เต็มไปด้วยความอิจฉา ชายคนนี้น่าประทับใจยิ่งนักที่สามารถทำให้ลูกสาวของเขาต้องอิจฉาหญิงสาวคนอื่นได้
“Uncle Liu, actually, I think that Liu Fei is more beautiful than the princess.” said Lin Feng shamelessly and continued: “But it’s just that Liu Fei continues to refuse when I ask for her to sleep with me…….”
“ท่านลุงหลิว แน่นอนว่าในความคิดของข้า หลิวเฟย นั้นงดงามกว่าองค์หญิงมากนัก” หลินเฟิง กล่าวอย่างปราศจากความเขินอายแล้วกล่าวอีกว่า “แต่ว่า หลิวเฟย ก็ยังปฏิเสธอย่างต่อเนื่องเมื่อข้าจะขอนอนกับนาง…”
“Hehe.” Lin Feng was forcing a smile while talking. Everybody around him was dumbstruck and looking at him with their eyes wide open in shock.
“ฮิฮิ” หลินเฟิง ยิ้มขณะที่กล่าว ทุกคนที่อยู่ที่นี่ล้วนแต่ตื่นตระหนกและจ้องมองไปที่เขาด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง
At that moment, Liu Cang Lan was astonished. Besides, Liu Fei knitted her brows and looked at Lin Feng in a furious way. She then said: “You perverted bastard!”
ในตอนนี้คนที่ตื่นตระหนกที่สุดคงจะไม่พ้น หลิวเฟย นางจ้องมอง หลินเฟิง ด้วยความโกรธ แล้วนางกล่าวว่า“ไอ้ผู้ชายลามก!”
“Have I ever acted perverted, Fei Fei? You cannot lie in the presence of Uncle Liu. If I have ever been perverted with you, tell Uncle Liu about it.” said Lin Feng in a decent way. Liu Fei almost fainted. That guy… was really shameless.
“ข้าเคยลามกด้วยหรือ เฟยเฟย? เจ้าไม่สามารถโกหกต่อหน้าท่านลุงหลิวได้ หากข้าลามกจริง ไหนเจ้าลองบอกเรื่องนี้ต่อหน้าท่านลุงหลิวสิ” คำพูดของ หลินเฟิง เกือบจะทำให้ หลิวเฟย เป็นลม ชายคนนี้…ช่างไร้ยางอายยิ่งนัก
Liu Cang Lan was speechless as well. Immediately after, he burst into laughter so hard that tears ran down his face. He then fixedly stared at Lin Feng. It seemed like Lin Feng could make use of any situation.
หลิวชางหลาน เองก็ถึงกับพูดไม่ออก ทันทีหลังจากนั้นเขาระเบิดเสียงหัวเราะออกมาจนกลั้นน้ำตาไว้ไม่ไหวเขามองลูกสาวที่กำลังโกรธและเหลือบมองไปที่ หลินเฟิง ดูเหมือนว่า หลินเฟิง จะสามารถใช้ประโยชน์จากทุกสถานการณ์ได้จริงๆ
Everybody else was astonished and looking at Lin Feng. How frivolous, unconventional, He never reacted the way that people expected and his teasing Liu Fei was very comical. His personality at that moment and when he was fighting was completely different as if he was a different person.
ทุกสายตาต่างจับจ้องไปที่ หลินเฟิง วิธีของเขาช่างไม่ธรรมดาและบ้าบิ่นอย่างมาก มีหลายคนที่ไม่เคยเห็นมุมนี้ของเขา เขาไม่ได้เป็นอย่างที่ทุกคนคิดที่หยอกล้อ หลิวเฟย อย่างกับคนรักช่างแตกต่างกันยิ่งนัก บุคลิกของเขาในขณะนั้นและตอนที่เขากำลังต่อสู้อยู่นั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงราวกับว่าเขาเป็นคนที่แตกต่างออกไป
The group all continued until they entered Liu Cang Lan’s private mansion. Liu Cang Lan gave them a comfortable place to stay. However, Liu Cang Lan continued to leave Duan Tian Lang and the others outside of the city and ignored them.
ทั้งกลุ่มยังคงเดินต่อไปจนกระทั่งถึงคฤหาสน์ส่วนตัวของ หลิวชางหลาน หลิวชางหลานอนุญาตให้พวกเขาพักที่นี่ได้ตามสบาย อย่างไรก็ตาม หลิวชางหลาน ก็คงละเลยและไม่สนใจ ต้วนเทียนหลาง และเหล่าทหารที่อยู่ข้างนอกไม่ได้
Duan Tian Lang didn’t cause trouble either. He calmly stayed with his troops outside of the city.
ต้วนเทียนหลาง ไม่ได้ก่อปัญหาใดๆ เขาอยู่อย่างสงบกับเหล่ากองทัพทหารด้านนอกเมือง
Three days later, Liu Cang Lan, Lin Feng and the others were having a meal when some shocking news arrived.
สามวันผ่านไป หลิวชางหลาน, หลินเฟิง และคนอื่นๆกำลังรับประทานอาหารกันอยู่นั้น ก็ได้มีข่าวที่น่าตกใจมาถึง
A sentinel came to inform them that the prince of Mo Yue, Mo Jie, was five hundred kilometers away from Duan Ren Border with his army. Considering their speed, the troops would only need two days to arrive in Duan Ren Border.
ทหารยามนายหนึ่งมาแจ้งให้ทราบว่าองค์ชายจากม่อเย่ องค์ชายม่อจี๋ พร้อมกับกองกำลังของเขาอยู่ห่างจากชายแดน ต้วนเหลิน 500 กิโลเมตร พิจารณาจากความเร็วของพวกเขา น่าจะใช้เวลาอีกสัก 2-3 วันกว่าจะมาถึงชายแดนต้วนเหลิน
Lin Feng was surprised and looked at Liu Cang Lan. Liu Cang Lan’s nickname was the Divine Arrow and his troops considered him as a deity and knew he was incredibly strong. However, when he heard that news, he lost his calm and stood up. The news was obviously very shocking.
หลินเฟิง รู้สึกประหลาดใจและมองไปที่ หลิวชางหลาน สมญานามของ หลิวชางหลาน ก็คือศรศักดิ์สิทธิ์และกองกำลังของเขาก็ได้รับการคัดกรองมาอย่างดีทั้งยังแข็งแกร่งอย่างมาก อย่างไรก็ตามเมื่อเขาได้ยินข่าวนี้ ความเยือกเย็นของเขาได้หายไปและลุกขึ้นในทันที
Liu Cang Lan was stupefied and looking at Lin Feng and the others. He then slowly sat back down and said: “Mo Jie, the prince of Mo Yue is seventeen years old. He is a true genius. He is so young and has already broken through to the ninth Ling Qi layer. He is will soon break through to the Xuan Qi layer. Besides, he is equally as intelligent. It is said that when he gets involved in a war, he is invincible.”
หลิวชางหลาน ตกใจเขามองไปที่ หลินเฟิง และคนอื่นๆ จากนั้นเขาก็นั่งลงอย่างช้าๆและกล่าวว่า “ม่อจี๋ คือองค์ชายของอาณาจักรม่อเย่ เขามีอายุแค่ 17 ปีแต่ก็สามารถตัดผ่านไปถึงชั้นจิตวิญญาณขั้นที่ 9 ได้แล้ว เขานั้นเป็นอัจฉริยะที่แท้จริง อีกไม่นานเขาก็คงตัดผ่านสู่ชั้นปฐพี(ซุน)ได้ นอกจากนี้เขายังฉลาดเป็นกรต มีเรื่องเล่าว่าเมื่อเขาเข้าสู่สนามรบ เขาจะอยู่ยงคงกระพัน”
Lin Feng and the others were stupefied. Seventeen years old and had the strength of the ninth Ling Qi layer, that was indeed terrifying. He was much stronger than some of the high officials of Xue Yue.
หลินเฟิง และคนอื่นๆต่างก็ตกใจ อายุ 17 ปีและบรรลุชั้นจิตวิญญาณขั้นที่ 9 ช่างน่าหวาดกลัวเสียจริง เขาแข็งแกร่งกว่าปรมาจารย์รุ่นเยาว์ของแคว้นซุ่วเย่วบางคนเสียอีก
Besides, that seventeen year old young man had never lost on the battlefield.
นอกจากนี้ เขายังไม่เคยพ่ายแพ้ในสงคราม
“Father, you have never lost either and you participated in many battles.” said Liu Fei. The crowd was silently nodding. Liu Cang Lan the Divine Arrow was famous. He had been accumulating victories over a great number of years.
“ท่านพ่อ ท่านเองก็ไม่เคยพ่ายแพ้และท่านก็ผ่านสนามรบมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง” หลิวเฟย กล่าว หลายคนพยักหน้าเห็นด้วย ศรศักดิ์สิทธิ์หลิวชางหลาน นั้นมีชื่อเสียงอย่างมาก เขาสะสมชัยชนะมาตลอดเวลาหลายปี
“I am not worried about that. Apart from his strength, he is also very important within the Mo Yue Country. If he gets involved in the fight, the country will use all their strength. The first reason is that they want to ensure his security and the second reason is prestige. Mo Jie is the symbol of the strength for their country. Therefore, that fight will be horrible for us.”
“ข้าไม่ได้กังวลเรื่องนั้น นอกเหนือจากความแข็งแกร่งของเขาแล้ว เขายังมีความสำคัญต่อแคว้นม่อเย่ อย่างมาก หากเขาเข้ามามีส่วนร่วม ทั้งแคว้นก็จะใช้กองกำลังทั้งหมดของพวกเขา ม่อจี๋ คือสัญลักษณ์ความแข็งแกร่งของอาณาจักรม่อเย่ ดังนั้นการต่อสู้ในครั้งนี้จึงน่าหวาดกลัวสำหรับพวกเรา”
Liu Cang Lan’s face firmly wrinkled. There were troubles inside and outside of their country. Inside of the Xue Yue Country, the Emperor didn’t trust him and meant him harm while outside, the Mo Yue Country wanted to invade them and had deployed all their forces. There was a huge crisis in Xue Yue.
ใบหน้าของ หลิวชางหลาน เต็มไปด้วยความกังวล เขามีปัญหาทั้งภายในและภายนอกแคว้น ภายในแคว้นซุ่วเย่ว องค์จักรพรรดิไม่ไว้ใจเขา ในขณะที่อีกด้าน แคว้นม่อเย่ ก็กำลังบุกมาด้วยกองทัพขนาดใหญ่
At that moment, Liu Cang Lan stood up and said: “You can continue to eat. I’m going to the city gate to have a look.”
แล้วในตอนนี้ หลิวชางหลาน ก็ยืนขึ้นอีกครั้งและกล่าว “พวกเจ้ากินกันไปก่อน ข้าจะไปดูที่ประตูเมือง”
Lin Feng was stupefied. He understood what Liu Cang Lan was saying. He wanted to let Duan Tian Lang enter the city and go fight the enemy together.
หลินเฟิง มึนงง เขาเข้าใจถึงความหมายในคำพูดของ หลิวชางหลาน เขาคงจะปล่อยให้ ต้วนเทียนหลาง เข้ามาในเมืองและต่อสู้กับเหล่าศัตรูที่กำลังจะมาถึงด้วยกัน
“No wonder he has such a high reputation. He is extremely wise as well as strong.” thought the crowd. He knew that Duan Tian Lang had come to seize his city but he would let him enter to fight against Mo Jie on his side. That was a very difficult decision to make for an ordinary person.
“ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเขาถึงได้มีชื่อเสียงนัก เขาเป็นคนที่ฉลาดและแข็งแกร่ง” หลายคนคิด หลิวชางหลาน รู้ว่า ต้วนเทียนหลาง จะเข้ามายึดเมืองของเขา แต่หลิวช่างหลาน ก็จะปล่อยให้พวกเขาเข้ามาต่อสู้กับ ม่อจี๋ฝั่งของเขา นี่เป็นการตัดสินใจได้ยากมากสำหรับคนธรรมดา
“The prince of Mo Yue, Mo Jie!” whispered Lin Feng. It seemed that this time, the Mo Yue country was turning out in force and was ready to attack. It seemed like a great calamity. Lin Feng hadn’t thought that he would go through such things.
“องชายจากแคว้นม่อเย่ ม่อจี๋!” หลินเฟิง กล่าวอย่างแผ่วเบา ดูเหมือนว่าในเวลานี้ แคว้นม่อเย่ พร้อมที่จะทำสงครามแล้ว ภัยพิบัติครั้งยิ่งใหญ่กำลังใกล้เข้ามา
“I’m coming too.” said Lin Feng at that moment while standing up and then walking towards Liu Cang Lan. Everybody was stupefied and suddenly followed Lin Feng.
“ข้าจะไปด้วย” หลินเฟิง กล่าว จากนั้นเขาก็ยืนขึ้นและเดินตาม หลิวชางหลาน ไป ทุกคนต่างมึนงงแต่พวกเขาก็ติดตาม หลินเฟิง ไปในทันที
At that moment, in the middle of the city, it was still very peaceful and calm. Since Liu Cang Lan was in the city, nothing ever happened there.
ในตอนนี้ แม้ว่าภายในเมืองต้วนเหลืนนั้นยังคงสงบสุขอยู่ เมื่อ หลิวชางหลาน ยังอยู่ในเมือง ไม่มีสิ่งใดจะเกิดขึ้นที่นี้
However, the calm in the city felt like the calm before a storm. The smell of war was moving closer.
อย่างไรก็ตาม มันเป็นเพียงความสงบก่อนที่พายุใหญ่จะโหมกระหน่ำเข้ามาเพียงเท่านั้น กลิ่นอายของสงครามกำลังใกล้เข้ามาแล้ว…
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น