ตอนที่ 67 เรียกร้องความสนใจ
"ข้าทนไม่ไหวแล้วนะเมื่อไหร่จะเข้ามาเอาชีวิตข้าซักที ข้านั้นจะมีชีวิตอยู่อีกนานหลังจากนี้"
หลินเฟิง ยิ้มอย่างเย็นชาด้วยหน้าตาที่ชั่วร้ายบนใบหน้าของเขา
"เฮ้ เมื่อก่อนข้านั้นเคยพบไอ้เศษขยะมานักต่อนักแล้ว แต่ข้าไม่เคยพบไอ้เศษขยะคนไหนที่วอน
หาที่จะตาย" อวี่ห้าว กล่าวด้วยความหยิ่งที่สุด จากนั้นเขาก็เสริมว่า "ในเมื่อเจ้าอยากจะตาย
จริงๆข้าจะช่วยให้เจ้าบรรลุเป้าหมายเอง รอจนกว่าจะจบการสอบศิษย์ภายในก่อนเถอะ
แล้วข้าจะจัดการกับเจ้า!! "
ศิษย์สามัญนั้นไม่มีค่าอะไรในนิกาย พวกมันอาจถูกฆ่าตายโดยไม่ไม่มีใครสนใจ โดยเฉพาะเมื่ออยู่
ในลานประลองแห่งชีวิตในหุบเขาแห่งความป่าเถื่อน
"ข้าจะให้โอกาสเจ้าะสังหารข้าก่อนที่จะจบการสอบเป็นศิษย์ภายใน"
หลินเฟิง กล่าวพร้อมทั้งพยักหน้าเหมือนกำลังตัดสินใจอยู่ อวี่ห้าว ไม่เข้าใจว่า หลินเฟิง หมายถึง
อะไร หลังจากนั้น หลินเฟิง ก็เริ่มเดินตรงไปยัง ลานประลองแห่งชีวิต
"หลินเฟิงเจ้าจะทำอะไรหนะ?" จิ้งหยุน ตะโกนขณะที่เธอรู้สึกถึงความกลัวไปถึงขั้วหัใจ
"จิ้งหยุน เจ้าต้องเชื่อใจ หลินเฟิง ชายคนนั้นเต็มไปด้วยความน่าอัศจรรย์ "หานหมาน กล่าวกับ
จิ้งหยุน เขาพยายามปลอบเธอ แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้เป็นเพื่อนที่เจอกันมานานแล้ว แต่ หานหมาน
ก็ชื่นชม หลินเฟิง จากใจจริง เขาเป็นคนบ้า แต่เขาเป็นก็อัจฉริยะอย่างแท้จริง เขาจะสู้กับทุกคนที่
สร้างปัญหาให้เขาและเพื่อนของเขา ทุกครั้งที่พวกเขาพบกัน หลินเฟิง เป็นคนที่คาดเดายากที่สุด
จิ้งหยุน พยายามไม่กังวลแต่เธอก็ทำใจได้เพียงเล็กน้อย เธอมองไปที่ หานหมาน และพยักหน้า ถูก
ต้องแล้วล่ะดูเหมือน หลินเฟิง กำลังทำอะไรที่อันตรายและไม่สามารถคาดเดาได้อีกแน่ๆ
จิ้งหยุน ไม่สามารถทำอะไรได้ ได้แต่กังวลเกี่ยวกับ หลินเฟิง การเข้าไปอยู่ลานประลองแห่งชีวิต และ
ท้าทายศิษย์ภายใน ไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ง่ายๆ ถ้าเจ้าต้องการที่จะกลายเป็นศิษย์ชั้นในของนิกาย อัน
ดับแรกเจ้าต้องมีความแข็งแกร่งมากๆอย่างเหลือเชื่อ โชคไม่สามารถช่วยได้ เป็นหนทางเดียวที่จะ
กลายเป็นศิษย์ภายใน คือต้องแข็งแกร่งมากกว่า ศิษย์ภายใน
"หือ?"อวี่ห้าว ขมวดคิ้ว เขายังไม่ได้ตอบอะไรกลับไป หานหมาน และ จิ้งหยุน เข้าใจว่า หลินเฟิง ต้อง
การจะทำอะไรเพราะเป็นเพื่อนกันและเข้าใจเขา นอกจากนี้ อวี่ห้าวเป็นคนอวดดีมากๆ เขาคิดไม่ออก
ว่า หลินเฟิง ต้องการจะทำอะไรกันแน่?
อวี่ห้าว ยิ้มให้ หลิวเฟย ที่กำลังเดินออกจากสนามแล้ว เขาเดินไปข้างหน้า หลิวเฟย สาวงามต้องการ
ความเอาใจใส่และจะมีใครดีกว่าเขาอีกละเขาจะดูแลเธอเอง
ลานประลองแห่งชีวิตมีขนาดใหญ่มาก เหล่าสาวกสามารถต่อสู้กับศิษย์คนอื่นลนลานประลองหินที่แตก
ต่างกันได้ ในขณะที่การต่อสู้ถูกสุ่มเลือก พวกเขาสามารถต่อสู้กันได้ตามที่พวกเขาต้องการ
อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่า ในข้อตกลงไม่ได้เขียนไว้ ระหว่างที่ทุกคนไม่ได้ก้าวเข้าสู่เวทีการต่อสู้ถ้ามีคน
ต่อสู้อยู่มากเกินไป นี่เป็นประโยชน์สำหรับผู้สังเกตการณ์เนื่องจากพวกเขาสามารถคิดที่จะกระทำ
บางอย่างในเวลาเดียวเท่านั้น ถ้าทุกคนเริ่มต่อสู้แล้วมันก็จะกลายเป็นความวุ่นวายอย่างรวดเร็ว
แน่นอนว่าไม่มีใครมีแผนที่จะก้าวขึ้นไปบนเวทีสูงสุด เหล่าศิษย์สามัญไม่ต้องการมั่นใจในความสามารถ
ของตนเองมากไป การอวดดีเกินตัวจะทำให้ผู้อาวุโสของนิกายไม่ประทับใจเฉพาะอัจฉริยะที่แท้จริงเท่านั้น
คือศิษย์ที่มีพรสวรรค์มากพอ ที่จะกล้าปีนขึ้นไปบนเวทีสูงสุดและทำให้ผู้คนแปลกใจได้
ในขณะนั้น หวังหมาง ก้าวเข้าสู่เวทีการประลองแห่งชีวิต
แต่ในขณะนั้นเขาเห็นว่ามีคนอื่นอยากจะเข้าร่วมด้วยเช่นกัน
"เฮ้ สหาย" หวังหมาง ตะโกนขณะยิ้มให้กับ หลินเฟิง เพื่อให้เขาสนใจ เขาเป็นศิษย์อันดับสามที่
ได้รับการจัดอันดับ เขาแข็งแกร่งมากและมีความหยิ่งทะนงที่ได้รับการจัดอันดับซึ่งไม่สนใจใคร
ในโลกนี้ เขาคิดว่า หลินเฟิง จะสังเกตเห็นว่าเขาอยากจะขึ้นไปบนเวทีและปล่อยให้เขาไปก่อน
แต่สิ่งที่ หวังหมาง ไม่ได้วางแผนไว้ก็คือ หลินเฟิง จ้องมองเขาและพยักหน้ากลับมาอย่างไม่สนใจ
เขาก็เดินตรงไปยังเวทีการต่อสู้ จริงๆแล้วดูเหมือนว่า หลินเฟิง ไม่ยอมให้เขาไปก่อน
หวังหมาง ขมวดคิ้ว เขามีชื่อเสียงมากในบรรดาศิษย์สามัญ เขาไม่คิดว่า หลินเฟิง จะไม่ยอมเขา
และปล่อยเขาไปก่อน เขาทำท่าทางที่จะพูด แต่เขาก็พูดไม่ออก เขามึนงงว่านี่มันเกิดอะไรขึ้น
เขาเปิดปากพูดไป แต่ไม่มีคำพูดตอบกลับมา
"ไอโง่ไอปัญญาอ่อนเอ้ย" หวังหมาง กล่าวด้วยเสียงต่ำที่เต็มไปด้วยความโกรธ เขารีบกลับไปที่ที่เขา
กำลังยืนอยู่ก่อนหน้านี้ ศิษย์คนอื่นกำลังมุ่งหน้าเข้าสู่ใจกลางเวทีการต่อสู้ โอหังยิ่งนัก! นี่เป็นครั้ง
แรกที่มีคนกล้าเข้ามา
หวังหมาง ไม่ได้เป็นคนเดียวที่รู้สึกประหลาดใจ แต่ทั้งฝูงชนก็ตกใจที่ได้เห็นใครบางคนไปที่เวทีการ
ต่อสู้นั้น ตาของพวกเขาเปิดกว้าง ฝูงชนพุ่งตรงเข้ามาอย่างโกลาหลและสงสัยว่าชายคนนั้นเป็นใคร
"นั่นคือเขา. นี่เขาไม่ได้ถูกกินโดยหมอกปีศาจหรอกรึ ... ? เขาแปลกใจเหลือเกินที่ยังมี
ชีวิตอยู่ "คนที่เคยเห็น หลินเฟิง กล่าวในขณะที่เห็นตอนหลินเฟิงถูกกินโดยหมอกดำของ
หมอกปีศาจ ผู้คนประหลาดใจที่ได้เห็น หลินเฟิง มีชีวิตและหายใจต่อหน้าพวกเขา
"โอ้ววไม่นะ.. .. เขามันบ้าไปแล้ว ... "หานหมาน, จิ้งหยุน และ ปู้จุน ต่างตกใจอย่างมาก
หลินเฟิง ไม่ได้ทำให้พวกเขาแปลกใจอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม หานหมาน ยิ้มกว้างบนใบหน้าของเขา เขามีความรู้สึกว่า หลินเฟิง แข็งแกร่ง
มากกว่าเขามาก เขามีความรู้สึกเช่นนั้นตั้งแต่ไม่ได้เห็นหลินเฟิง เขาชื่นชม หลินเฟิง จากใจ
จริง และเชื่อว่าเขามีความแข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อ
หุบเขาแห่งความป่าเถื่อน, ม่อเสีย ตื่นตระหนก นี่เป็นไปได้อย่างไรกัน? หลินเฟิง ยังมีชีวิต
อยู่ได้อย่างไร?
เขาเป็นเพียงศิษย์สามัญที่ถูกกินโดยหมอกปีศาจ... เขาจะกลับมามีชีวิตได้อย่างไรกัน?
"นั่นเขา" เหมือนคนอื่น ๆ หนานกงหลิง ประหลาดใจด้วยเช่นกัน ใบหน้าของเขาแสดงให้เห็น
ว่าเขาโล่งใจ ตอนนี้เขาจะสามารถบอก ผู้พิทักษ์เป่ย และ ผู้พิทักษ์คง ได้ว่า หลินเฟิง ไม่เป็นไร
แล้วและการลงโทษ ม่อเสีย จะไม่รุนแรงมากนัก
"ฮ่าฮ่า, หนุ่มน้อยคนนั้นไม่มีวันตายจริงๆ!" เสียงดังออกมาจากหอดวงดาราที่ชายชรานั่งอยู่
เสียงที่เหมือนเขาสาปแช่ง แต่อันที่จริงแล้วผู้พิทักษ์คงเขาดีใจอย่างมาก
"เจ้าทำให้ข้าแปลกใจจริงๆหนุ่มน้อย " ผู้พิทักษ์เป่ย คิดและยิ้ม ครั้งแรกที่เขาได้พบกับ หลินเฟิง
เขาได้รับความประทับใจอย่างดี ครั้งที่สอง หลินเฟิง ได้ทำให้กลองที่หน้าผาจ้านกู้ดังขึ้น ซึ่ทำให้
ผู้พิทักษ์คง และ ผู้พิทักษ์เป่ย ตื่นตระหนก... และคราวนี้เขาถูกกินโดยหมอกปีศาและจากนั้นก็
กลับมาโดยไม่ได้รับบาดแม้แต่นิดเดียว เขาเป็นราชาแห่งความอัศจรรย์โดยจริง
ในขณะนั้น อวี่ห้าว มาที่ หลิวเฟย เขามองไปที่ หลินเฟิง ที่ก้าวขึ้นไปบนเวทีการต่อสู้และกล่าวขณะ
ที่หัวเราะ : "เฟยเฟย,ไอ้ขยะนั้นไม่คิดเลยว่าจะกล้าขึ้นไปบนเวทีการต่อสู้ เขาอยากตายจริงๆ "
หลิวเฟย หน้าบึ้ง เธอไม่ชอบที่ อวี่ห้าว เรียกเธอด้วยชื่อเล่นเธอรู้สึกแย่กับเรื่องนี้ จากนั้นเธอก็มอง
ไปที่เวทีการต่อสู้และท่าทีของเธอก็เปลี่ยนไปทันทีดวงตาที่สวยงามของเธอก็เต็มไปด้วยความสุข
"เขายังไม่ตาย !!!"
หลิวเฟย รู้สึกประหลาดใจแล้วรอยยิ้มที่สวยงามและยิ้มแย้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอ
"เจ้ายังไม่ตาย ... นี่เป็นเรื่องที่ดี ข้าจะเอาชนะเจ้าเอง ข้าจะมอบความอัปยศให้เจ้า "
อวี่ห้าว เห็นว่า หลิวเฟย ยิ้มและดูน่าหลงใหล แต่ดูเหมือนเขาจะไม่เข้าใจจากนั้นก็คิดว่าเขาเป็น
ฮีโร่ของเธอแน่ๆ เขากล่าวว่า "เฟยเฟย เหมือนครั้งก่อน เจ้าแค่บอกมาและข้าจะฆ่าไอ้ขยะเมื่อมันกล้า
ท้าทาย ”
"เจ้าฆ่าเขางั้นรึ?" หลิวเฟย ถามขณะกำลังมองไปที่ อวี่ห้าว แม้ว่า อวี่ห้าว มีจิตวิญญาณดาบและ
แข็งแกร่ง แต่เขาก็ยังไม่พัฒนาไปไหนหนึ่งปีแล้วเพราะเขาไม่ได้ฝึกซ้อม เขายังคงอยู่ที่ชั้นจิตวิญญาณ
ขั้นแรก ถ้าเขาต่อสู้กับหลินเฟิงเขาจะมีโอกาสชนะ?
นอกจากนี้สิ่งที่ หลิวเฟย ต้องการมากที่สุดก็คือการเอาชนะ หลินเฟิง ด้วยตัวเอง
"ใช่ เพียงแค่เจ้าพนักหน้าของเจ้าแล้วข้าจบชีวิตมันเอง" อวี่ห้าว ตอบแล้วยิ้ม
"อวี่ห้าว ......... "
อวี่ห้าว ยังคงยิ้มอยู่เมื่อเสียงก้องกังวานตรงเข้าไปในหู
"อวี่ห้าว, เจ้าจะวิ่งหนีไปไหน? มาต่อสู้กับนี้ ไอเวร! "
หลินเฟิง กำลังยืนอยู่บนเวทีการต่อสู้สูงสุด เขาเงยหน้าและมองไปที่ทุกคนที่กำลังเฝ้าดูจาก
ด้านบนของหน้าผาหุบเขาแห่งความป่าเถื่อน เขาต้องการไปที่สูงๆ บ้าคลั่งที่สุดและมองลงไปที่โลก
อวี่ห้าว กำลังยิ้มอยู่เขาไม่ได้ไปที่เวทีการต่อสู้เขาไม่เข้าใจ หลินเฟิง หมายถึงอะไร เข้าไม่เข้าใจ
จริงๆที่ ไอ้หลินเฟิงนั่นท้าทายอยากสู้กับเขา?
เข้าใจว่า หลินฟิง ท้าทายเขาในการต่อสู้ อย่างไรก็ตามเขาต้องการต่อสู้กับ หลินเฟิง เช่นกัน
ในระหว่างการสอบศิษย์ภายใน การท้าทายคือความอับอายเพราะมันหมายความว่าคุณอ่อนแอ
ถ้าคุณอ่อนแอคนก็อยากต่อสู้กับคุณ แต่ในขณะนั้น อวี่ห้าว กำลังถูกท้าทายจากด้านบนเขา
ถูกท้าทายโดยคนที่เขาต้องการฆ่าเพื่อเอาชนะใจของ หลินเฟย
อย่างไรก็ตามเขาไม่เคยคิดว่า หลินเฟิง จะท้าทายเขาหลังจากพูดจบ เห็นได้ชัดว่าเขาได้รับ
ความอัปยศต่อหน้าผู้คนนับไม่ถ้วน เขารู้สึกว่าเพิ่งโดนตบหน้าหมาดๆ
การแสดงออกของ อวี่ห้าว ดูคล้ายกับของปีศาจ เขาจ้องมองที่ หลินเฟิง ด้วยความโหดเหี้ยม
"เฟยเฟย, ไอ้ขยะนั้นต้องการจะสู้กับข้า ช่างโชคดีเสียจริง ข้าจะฆ่าไอ้ขยะที่สกปรกนี่ทิ้งซะ "
ก่อนหน้านี้ อวี่ห้าว ไม่เคยสงสัยเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของตัวเอง เขาเริ่มเดินไปบนเวทีขณะ
ที่ยังดูชั่วอยู่
ทั้งฝูงชนประหลาดใจ หลินเฟิง เป็นคนบ้าอย่างแท้จริง
ไม่เพียงแค่ หลินเฟิง ก้าวขึ้นไปบนเวทีการต่อสู้ที่สูงที่สุด แต่เขาก็ยังท้าทาย อวี่ห้าว
อวี่ห้าว ห่างไกลจากการเป็นศิษภายในที่อ่อนแอที่สุด ก่อนที่จะมีการทดสอบเป็นศิษย์ภายใน ศิษย์
สามัญได้ตรวจสอบประวัติความแตกต่างของเหล่าศิษย์ภายในแล้ว พวกเขาได้เข้าถึงรายละเอียดซึ่ง
มีข้อมูลเกี่ยวกับระดับความแข็งแกร่ง อวี่ห่าว อยู่ห่างไกลเหนือเหล่าสาวกภายในที่อ่อนแอ เขามี
จิตวิญญาณดาบและเขามีพรสวรรค์และแข็งแกร่งอย่างมาก เขาแข็งแกร่งกว่าศิษย์ภายในทั่วไปเสียอีก
ไม่มีใครคิดจะท้าทายเขา
อวี่ห้าว ไม่ได้เคยคิดว่าจะมีใครกล้ามาท้าทายเขา
ในขณะที่เขาเดินขึ้นไปบนเวทีต่อสู้ อวี่ห้าว จ้องมองราวกับ ปีศาจแล้วกล่าวว่า "ข้าต้องการให้เจ้า
มีชีวิตอยู่ไปอีกเล็กน้อย แต่เจ้าต้องการที่จะตาย ... ดังนั้นข้าจะไม่รออีกต่อไป"
"ข้าไม่รีบร้อนที่จะจัดการกับเจ้า รอจนกว่าข้าจะทำเสร็จแล้ว" หลินเฟิงยิ้มกล่าว เขาหยุดมองไปที่
อวี่ห้าว และหันไปหาฝูงชน
"หลี่หลิน ย้ายก้นของเจ้าลงมาสิวะบนเวทีการต่อสู้นี่"
หลินเฟิง ยังคงถ่มน้ำลายใส่หน้าของศิษย์ภายใน หลี่หลิน ตอนที่หอดวงดารา ไม่ได้กล้าเผชิญหน้า
กับ เฉินเฉิน ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจที่ไปลงกับ หลินเฟิง หลินเฟิงยังจำได้ดีและวางแผนที่จะชำระแค้น
ทุกคนในฝูงชนต่างประหลาดใจกับการกระทำของเขา หลี่หลิน ... นี่เป็นชื่อของศิษย์ภายในคนอื่น
เขาตั้งใจจะทำอะไรกันแน่ โดยการท้าทายสองศิษย์ภายใน ในเวลาเดียวกันงั้นรึ?
Cr.tuiimyk แปลเล่นๆครับ ไม่อยากรอนานๆ ถ้าตกหล่นแปลผิดยังไงก็ขอโทษด้วยนะครับ มือใหม่ครับ
อ่าน Eng ได้ที่ http://totallyinsanetranlation.com/peerless-martial-god-index/
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
รบกวนกดโฆษณาเพื่อนเป็นกำลังให้แก่ผู้แปลด้วยนะครับ
คลิก >> http://cpmlink.net/KuQOAA
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น